เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เกิดความวุ่นวายใน บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ RHB หลังจากลูกค้าที่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นถูกบล็อกหรือไม่สามารถเข้าสู่ระบบ Streaming เพื่อส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นได้
RHB แจ้งผ่านระบบออนไลน์ในช่วงเช้าวันศุกร์ ขอให้ลูกค้าเซ็นยินยอมการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว โดยข้อความที่ส่งไปมีความยาวและมีรายละเอียดมากมาย ทั้งการเข้าถึงข้อมูลชีวภาพ ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนเพื่อยืนยันและพิสูจน์ตัวบุคคล ซึ่ง RHB สามารถนำข้อมูลไปใช้ในทางธุรกรรมต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศได้
RHB ไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า โดยแจ้งขอให้เซ็นความยินยอมในทันที หากลูกค้ารายใดไม่เซ็นจะไม่สามารถเข้าถึงระบบ Streaming ซึ่งหมายถึงไม่สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้ ทำให้นักลงทุนที่เปิดบัญชีซื้อขายผ่านโบรกเกอร์แห่งนี้ได้รับผลกระทบ
เพราะการสั่งซื้อสั่งขายหุ้นในระบบปกติผ่าน Streaming ไม่สามารถทำได้ และเมื่อติดต่อเข้าไปที่ RHB จึงรู้ภายหลังว่า สามารถส่งคำสั่งซื้อขายผ่านเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดหรือมาร์เกตติ้ง แต่ไม่สะดวกรวดเร็วและทันต่อการตัดสินเหมือนระบบ Streaming
บริษัทโบรกเกอร์อื่นมีการขอให้ลูกค้าเซ็นยินยอมการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวเหมือนกัน แต่คำขอมีรายละเอียดน้อยกว่า โดยมักขอเพียงข้อมูลธุรกรรมทางการเงิน และะแจ้งให้ลูกค้ารับทราบล่วงหน้า 3 วันหรือ 7 วัน เพื่อมีเวลาในการพิจารณารายละเอียดในคำขอความยินยอม
แต่ RHB ขอปุ๊บจะต้องให้ลูกค้าเซ็นปั๊บ แจ้งคำขอมาเช้า ถ้าไม่ยอมเซ็นจะไม่สามารถเข้าสู่ระบบการส่งคำสั่งซื้อขายตามปกติได้ ทำให้ลูกค้าได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน จนโวยวายใส่ RHB ตลอดทั้งวัน
บล.RHB เดิมคือ บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด (มหาชน) หรือ BSEC แต่ OSK INVESTMENT BANK PERHAD ของมาเลเซีย ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่มีฐานนักลงทุนรายย่อยมากที่สุดในมาเลเซียได้เข้ามาซื้อหุ้นจากบริษัทเงินทุน บีฟิท จำกัด (มหาชน) หรือ BFIT
การเจรจาซื้อขายหุ้น บล.บีฟิท มีการใช้ข้อมูลภายในแสวงหาประโยชน์จากการซื้อขายหุ้น BFIT โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งปรับนายสาคร ศรีสุขวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BFIT ขณะนั้น รวมพวกจำนวน 4 ราย เป็นเงินกว่า 8.61 ล้านบาท
เมื่อซื้อ BSEC แล้ว ได้เปลี่ยนชื่อต่อเป็น บล.OSX ต่อมา RHB BANK ของมาเลเซียได้เทกโอเวอร์หรือครอบงำกิจการ OSK ในมาเลเซีย จึงเปลี่ยนชื่อเป็น บล.RHB
ต้นปี 2564 RHB เกิดปัญหามาร์เกตติ้งทุจริตลูกค้า การซื้อขายแบบจับคู่ซื้อขายสัญญาล่วงหน้าซิงเกิลสต๊อกที่ราคาและจำนวนสัญญาที่ตกลงกันไว้หรือบล็อกเทรด สร้างความเสียหายลูกค้า จนเกิดการฟ้องร้อง ซึ่ง RHB ต้องชดใช้เงินลูกค้าและกระทบต่อภาพลักษณ์บริษัท และอาจเป็นสาเหตุที่เข้มงวดกับกฎระเบียบมากขึ้น
เพียงแต่การขอความยินยอมในการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าครั้งนี้มีรายละเอียดที่ครอบคลุมข้อมูลส่วนตัวของลูกค้ากว้างมากเกินไป จนนักลงทุนเกิดความกังวลผลกระทบที่จะตามมา และไม่เซ็นให้ความยินยอมในทันที ผลกระทบที่ตามมาคือ ไม่สามารถส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นได้ตามช่องทางปกติที่ใช้กันทุกวัน
ถ้า RHB บอกกล่าวล่วงหน้า ให้เวลาลูกค้าพิจารณาไตร่ตรอง เช่นเดียวกับโบรกเกอร์รายอื่นๆ ปัญหาคงไม่เกิด
วันศุกร์ที่ผ่านมา สายโทรศัพท์ RHB แทบไหม้ พนักงานแทบไม่อยากจะรับสาย เพราะลูกค้าโวยแหลก ทัวร์ลง RHB ตลอดวัน
นักลงทุนบางคนเสียอารมณ์ถึงขั้นเตรียมปิดบัญชีหนี RHB กันทีเดียว และบางส่วนตั้งท่าร้อง ก.ล.ต.ให้ตรวจสอบการทำงานของโบรกเกอร์แห่งนี้
เพราะการตัดช่องทางการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้าเป็นการสร้างความเสียหายให้ลูกค้า
จนมีคำถามว่า RHB มีอำนาจอันตัดตอนคำสั่งซื้อขายลูกค้า กดดันให้ต้องเซ็นคำยินยอมการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว และไม่มีโบรกเกอร์ที่ไหนทำกัน