หลังจากบริษัทจดทะเบียนประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2565 หุ้นของหลายบริษัทปรับขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งในส่วนของกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภคและกลุ่มปิโตรเคมี มีหลายบริษัทที่โดดเด่น เพราะกำไรสุทธิโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และกำไรสุทธิโตจากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) เติบโตเกิน 100%ซึ่งมีทั้งหมด 9 บริษัท ดังต่อไปนี้
1.SCN (บมจ.สแกน อินเตอร์) กำไรสุทธิ Q1/65 คือ 269.01 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิ Q1/64 คือ 23.17 ล้านบาท อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 1,061.00% ขณะที่กำไรสุทธิ Q1/65 มากกว่า Q4/64 อยู่ที่ 903.00% ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลังYTD +18.27% , อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.24%, P/E 9.40 เท่า , P/BV 1.00 เท่า ,Market Cap 2,952.00 ล้านบาท, ราคาปิด ณ 20 พ.ค. 65 คือ 2.46 บาท , 52 Week High/Low 3.30 / 1.91 บาท
ผลประกอบการในไตรมาส 1/2565 ยังคงแข็งแกร่งและโดดเด่นจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่มียอดขายปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากราคาพลังงานในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องที่สูงเกินความคาดหมายในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เมืองมินบู ประเทศเมียนมาร์ อีกทั้งยังรับรู้รายได้จากผลสำเร็จจากการขายหุ้นจำนวน 49% ของบริษัท เครือข่ายก๊าซ ไทย-ญี่ปุ่น จำกัด ให้แก่บริษัท Shizuoka Gas
2.EGCO (บมจ.ผลิตไฟฟ้า) กำไรสุทธิQ1/65 คือ4,115.81 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิQ1/64 คือ 585.46 ล้านบาท อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 603.00% ขณะที่กำไรสุทธิ Q1/65 มากกว่า Q4/64 อยู่ที่ 341.00% ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลังYTD +0.57%, อัตราเงินปันผลตอบแทน 3.68%, P/E12.17 เท่า, P/BV 0.77 เท่า, Market Cap 92,921.07 ล้านบาท, ราคาปิด ณ 20 พ.ค. 65 คือ 176.50 บาท, 52 Week High/Low 187.00 / 160.00 บาท
สาเหตุหลักจากพาจู อีเอส และโรงไฟฟ้าขนอม มีปริมาณการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ประกอบกับการเข้าซื้อหุ้นในลินเดน ทอปโก้ และเอเพ็กซ์เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2564 และ 17 พฤศจิกายน 2564 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม กำไรจากการดำเนินงานของบีแอลซีพีลดลง เนื่องจากมีการซ่อมบำรุงตามแผนในไตรมาสที่ 1/2565 อีกครั้ง ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักเพิ่มขึ้น
3.BANPU (บมจ.บ้านปู) กำไรสุทธิ Q1/65 คือ 10,264.21 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิ Q1/64 คือ 1,535.11 ล้านบาท อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 568.63% ขณะที่กำไรสุทธิ Q1/65 มากกว่า Q4/64 อยู่ที่ 194.00% ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD +15.09%,อั ตราเงินปันผลตอบแทน 3.28%, P/E 4.44 เท่า , P/BV 0.96 เท่า ,Market Cap 82,546.53 ล้านบาท, ราคาปิด ณ 20 พ.ค. 65 คือ 12.20 บาท ,52 Week High/Low 14.90 / 9.65 บาท
ความเคลื่อนไหวล่าสุด บริษัท BKV Corporation (BKV) (บริษัทย่อยที่บริษัท BANPU ถือหุ้น 96.1%) ได้ลงนามซื้อขายเพื่อเข้าซื้อสัดส่วนลงทุนในแหล่งก๊าซธรรมชาติและ ครอบคลุมถึงธุรกิจกลางน้ำ บริเวณแหล่งก๊าซฯ Barnett ในประเทศสหรัฐอเมริกาจากบริษัทย่อยของ Exxon Mobil Corporation โดยมีมูลค่าลงทุนรวม USD750mn (ประมาณ 2.51 หมื่นล้านบาท)
4.SAAM (บมจ.เอสเอเอเอ็ม ดีเวลลอปเมนท์) กำไรสุทธิQ1/65 คือ 55.61 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิ Q1/64 คือ 9.12 ล้านบาท อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 509.64% ขณะที่กำไรสุทธิ Q1/65 มากกว่า Q4/64 อยู่ที่ 1,178.00% ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD -10.80%, อัตราเงินปันผลตอบแทน 0.47%, P/E 31.74 เท่า , P/BV 6.50 เท่า, Market Cap 2,355.00 ล้านบาท , ราคาปิด ณ 20 พ.ค.65 คือ 7.85 บาท, 52 Week High/Low 9.15 / 3.92 บาท
บริษัทมีแผนจะแตกไลน์ธุรกิจไปสู่ธุรกิจที่ไม่ใช่พลังงาน เพราะบริษัทต้องการเพิ่มช่องทางรายได้อื่นๆ เพิ่มเติม โดยรูปแบบการลงทุน บริษัทจะเข้าถือหุ้นในบริษัทดิจิทัล เบื้องต้นคาดจะใช้เงินไม่เกิน 400 ล้านบาท และน่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ อย่างไรก็ดี หากเป็นไปตามแผนคาดจะรับรู้รายได้ธุรกิจดิจิทัลเข้ามาภายในปีนี้ทันที
5.BPP (บมจ.บ้านปู เพาเวอร์) กำไรสุทธิ Q1/65 คือ 2,918.34 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิ Q1/64 คือ 1,034.16 ล้านบาท อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 182.19% ขณะที่กำไรสุทธิ Q1/65 มากกว่า Q4/64 อยู่ที่ 687.00% ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลังYTD -6.40%, อัตราเงินปันผลตอบแทน 4.04%, P/E 9.79 เท่า, P/BV1.01 เท่า ,Market Cap 49,068.48 ล้านบาท, ราคาปิด ณ 20 พ.ค.65 คือ 16.10 บาท, 52 Week High/Low 20.30 / 15.30 บาท
Q1/65 BPP มีรายได้รวมมาจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมทั้ง 3 แห่งในจีน 2,567 ล้านบาท และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมค้า 773 ล้านบาท จากโรงไฟฟ้า เอชพีซีและโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี และปัจจุบัน BPP อยู่ในดัชนี SET100 และดัชนี SETHD เป็นหลักทรัพย์ที่จ่ายเงินปันผลย้อนหลัง 3 ปีอยู่ในเกณฑ์ดี พื้นฐานดี มีสภาพคล่อง อีกทั้งด้วยอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ในระดับต่ำ สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
6.SPRC (บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง) กำไรสุทธิ Q1/65 คือ 5,284.37 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิ Q1/64 คือ 2,005.68 ล้านบาท อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 163.47% ขณะที่กำไรสุทธิ Q1/65 มากกว่า Q4/64 อยู่ที่ 185.00% ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลังYTD +19.39%, อัตราเงินปันผลตอบแทน 1.53%, P/E 6.32 เท่า , P/BV 1.28 เท่า, Market Cap 50,730.05 ล้านบาท, ราคาปิด ณ 20 พ.ค.65 คือ 11.70 บาท ,52 Week High/Low12.30 / 7.75 บาท
ราคาหุ้นกลุ่มโรงกลั่นปรับขึ้นรับปัจจัยบวกจากโรงกลั่นเกาหลีใต้ “S-Oil Onsan” เกิดเพลิงไหม้ โบรกมองผลกระทบต่อ supply ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีทั่วโลกได้จำกัด เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลรายละเอียดความเสียหายและการซ่อมแซม แต่เบื้องต้นคาดกลุ่มที่มีแนวโน้มได้ประโยชน์มากสุดจะเป็นกลุ่มโรงกลั่นที่เดิม supply ทั่วโลกตึงตัวอยู่แล้ว รองลงมาเป็นปิโตรเคมีที่อาจได้ประโยชน์ในระยะสั้น
7.BCPG (บมจ.บีซีพีจี) กำไรสุทธิ Q1/65 คือ 1,363.04 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิ Q1/64 คือ 523.36 ล้านบาท อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 160.44% ขณะที่กำไรสุทธิ Q1/65 มากกว่า Q4/64 อยู่ที่ 473.00% ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD +1.67%, อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.62%, P/E 12.39 เท่า, P/BV 1.23 เท่า, Market Cap 35,307.99 ล้านบาท, ราคาปิด ณ 20 พ.ค.65 คือ 12.20 บาท, 52 Week High/Low 15.40 / 11.10 บาท
สาเหตุหลักของการเติบโต BCPG มาจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Chiba 1 ในประเทศญี่ปุ่น และโรงไฟฟ้พลังงานแสงอาทิตย์ชนิดติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ในประเทศไทยเพิ่มเติม พร้อมทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป.ลาว สามารถผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นจากปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 4/2564
8.IVL (บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส) กำไรสุทธิ Q1/65 คือ 14,069.91 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิ Q1/64 คือ 6,008.81 ล้านบาท อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 134.15% ขณะที่กำไรสุทธิ Q1/65 มากกว่า Q4/64 อยู่ที่ 161.00% ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลังYTD +12.72%, อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.05%, P/E 7.97 เท่า , P/BV 1.54 เท่า, Market Cap 273,709.41 ล้านบาท, ราคาปิด ณ 20 พ.ค. 65 คือ 48.75 บาท, 52 Week High/Low 52.00 / 36.00 บาท
ธุรกิจทั้งสามกลุ่มของ IVL เติบโตจากตำแหน่งผู้นำระดับโลกของบริษัทฯ ที่ส่งผลให้ IVL ได้รับประโยชน์โดยรวมที่ราคาน้ำมันดิบเพิ่มสูงขึ้น อัตราค่าระวางสินค้าทางทะเลที่เพิ่มขึ้น และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นจากอุปสงค์ของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวและการเคลื่อนย้ายทั่วโลก อย่างไรก็ดี การเปิดประเทศอีกครั้งเป็นสัญญาณดีสำหรับอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ทุกกลุ่มของ IVL
9.ESSO (บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กำไรสุทธิ Q1/65 คือ 5,899.72 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิ Q1/64 คือ2,788.41 ล้านบาท อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 111.58% ขณะที่กำไรสุทธิ Q1/65 มากกว่า Q4/64 อยู่ที่ 686.00% ส่วน อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลังYTD +31.29%, อัตราเงินปันผลตอบแทน N/A%, P/E 4.42 เท่า , P/BV 1.33 เท่า ,Market Cap 33,397.28 ล้านบาท, ราคาปิด ณ 20 พ.ค. 65 คือ 9.65 บาท, 52 Week High/Low 9.85 / 7.00 บาท
ESSO 1 ในหุ้น โรงกลั่นที่ได้อานิสงส์จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงในเวลาอันใกล้ เพราะแม้ว่าผลการดำเนินงาน 1/65 ของหลายบริษัทอาจจะดูไม่ค่อยดีนัก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วแต่ในอนาคตนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังมองว่าหุ้นกลุ่มนี้ยังน่าสนใจมาก
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 9 บริษัทเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD ที่เป็นบวกแทบทั้งสิ้น เว้นแต่ SAAM และ BPP ที่ยังเป็นลบ ซึ่งจากผลงานในไตรมาส 1/2565 น่าจะเป็นปัจจัยบวกให้ราคาหุ้นขยับขึ้นตามไปด้วย