หุ้นไทยปิดตลาด +16.97 จุด โบรกฯ ชี้ ศบค.ชุดใหญ่มีมติผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติม โดยอนุญาตให้อาบอบนวด สถานบริการ สถานบันเทิง ผับบาร์ กลับมาเปิดให้บริการในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว กระตุ้นเม็ดเงินการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว กอปรกับการที่ประเทศจีนประกาศประกาศผ่อนคลายมาตรการอัตราดอกเบี้ยลง พร้อมประเมินกรอบการลงทุนสัปดาห์หน้าแนวรับที่ 1,590 จุด และแนวต้านที่ 1,630-1,650 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 20 พ.ค.2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +16.97 จุด หรือ +1.06% โดยปิดตลาดที่ 1,622.95 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 66,204.09 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายหุ้นไทยในวันนี้ดัชนีปรับตัวขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่ 1,626.16 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,616.46 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 1,095 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 571 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 600 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า +3,093.50 ล้านบาท และบัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +7.73 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -1,959.50 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -1,141.73 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.PLUS มูลค่าการซื้อขาย 4,359.22 ล้านบาท ปิดที่ 5.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
2.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 3,036.82 ล้านบาท ปิดที่ 27.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
3.BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,475.63 ล้านบาท ปิดที่ 12.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
4.SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,427.39 ล้านบาท ปิดที่ 111.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
5.AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,304.71 ล้านบาท ปิดที่ 69.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCB ปิดที่ 111.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท หรือ 3.24%
2.JMT ปิดที่ 74.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 3.50%
3.KBANK ปิดที่ 144.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 1.76%
4.TQM ปิดที่ 44.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 4.76%
5.CPN ปิดที่ 62.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 3.32%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BCP ปิดที่ 34.25 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.44%
2.TIDLOR ปิดที่ 33.50 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ 0.74%
3.RATCH ปิดที่ 40.25 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ 0.62%
4.KKP ปิดที่ 70.25 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ 0.35%
5.RS ปิดที่ 15.60 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 1.27%
ส่วนดัชนี SET100 ปิดที่ 2,221.46 จุด เพิ่มขึ้น 24.21 จุด หรือ 1.10% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 977.36 จุด เพิ่มขึ้น 10.52 จุด หรือ 1.09% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 625.66 จุด เพิ่มขึ้น 9.51 จุด หรือ 1.54%
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นได้ดีตามทิศทางตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย หลังธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 5 ปี ลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 62 เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวหลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ถือเป็นการเซอร์ไพรส์ตลาดอย่างมาก
อีกทั้งบ้านเรายังได้ปัจจัยบวกจากศูนย์อำนวยการบริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดใหญ่มีมติผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติม โดยอนุญาตให้สถานบริการ สถานบันเทิง ผับบาร์ กลับมาเปิดให้บริการในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว และเห็นชอบให้ปรับเปลี่ยนมาตรการด้านสาธารณสุขกรณีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากเดิมกักตัว 5 วัน และสังเกตอาการอีก 5 วัน ปรับเป็นให้สังเกตอาการ 10 วันโดยไม่ต้องกักตัว
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า คาดว่า การปรับตัวขึ้นของดัชนียังจำกัดจากความเสี่ยงของเศรษฐกิจในภาพรวม หลังมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย และนักลงทุนน่าจะยังรอดูรายงานการประชุม FOMC หรือ Fed Minutes จึงอาจชะลอการลงทุนไปก่อน ให้กรอบแนวต้าน 1,630-1,650 จุด และแนวรับ 1,590 จุด