พฤกษาฯ รับไตรมาสแรกยอดขาย-รายได้ลด เหตุปัญหาแรงานขาดแคลนทำงานก่อสร้างล่าช้ากระทบยอดขาย-โอน ชูระบบบริหารต้นทุนวัสดุ ระบบการขนส่งช่วยประหยัดต้นทุน 460 ล้านบาท หนุนกำไรสุทธิ Q1/65 มากกว่า 10% ไตรมาส 2 เดินหน้าโอน 7 โครงการคอนโดพร้อมอยู่ ลุยเปิด 9 โครงการ มูลค่า 5,900 ล้านบาท คาดยอดขาย รายได้ กำไรโตกระฉูด โชว์แบ็กล็อกรอโอนในมือ 20,000 ล้านบาท ทยอยโอนปีนี้ 18,000 ล้านบาท มั่นใจยอดโอนปีนี้ตามเป้า 33,000 ล้านบาท
นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสแรกยังแข่งขันสูง โดยเฉพาะตลาดบ้านแนวราบซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการและหันมาพัฒนาโครการแนวราบเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับกับพฤติกรรมความต้องการพื้นที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้พฤกษาฯ ให้น้ำหนักการพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการอยู่อาศัยในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมแม้ยังชะลอตัว แต่มีสัญญาณการฟื้นตัวกลับมามากขึ้น หลังจากมีการกลับมาทำงานมากขึ้น ทำให้มีความต้องการที่อยู่อาศัยใกล้แหล่งงานและลูกค้าชาวต่างชาติทยอยกลับมา
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบจากการปรับตัวของราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวขึ้น 2-3% ในช่วงที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างบางโครงการ แต่พฤกษาฯ ยังสามารถควบคุมต้นทุนได้ดีจากการบริหารต้นทุนวัสดุก่อสร้างและการขนส่ง ทำให้ไตรมาสแรก ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถประหยัดได้ 460 ล้านบาท และในไตรมาส 1/65 ยังสามารถทำกำไรได้สูงกว่า 10% ทำให้บริษัทยังไม่มีแผนจะปรับราคาขายในปีนี้ เนื่องจากตลาดในปัจจุบันยังเป็นของผู้ซื้อ หากปรับขึ้นราคาขายอาจส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อและการแข่งขัน ทั้งนี้หากต้นทุนยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง บริษัทอาจมีการปรับราคาขายบ้านในอนาคต
“ในช่วงต้นปีนี้แม้ว่าเศรษฐกิจยังชะลอตัวแต่พฤกษาฯ ยังเดินหน้าพัฒนาโครงการตามแผนเดิม โดยจะเปิด 31 โครงการใหม่ มูลค่า 16,300 ล้านบาท โดยมีเป้ายอดขายอยู่ที่ 31,000 ล้านบาท และมียอดโอนที่ 33,000 ล้านบาท โดยในไตรมาสแรกที่ผ่านมาบริษัทมีผลการดำเนินงานลดลงทุกรายการ เนื่องจากต้องเลื่อนเปิดตัวโครงการใหม่มาในไตรมาส 2 เพราะงานก่อสร้างมีความล่าช้าจากปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และการแข่งขันด้านราคา ทำให้ในไตรมาสแรกบริษัทมียอดขาย 5,344 ล้านบาท ลดลง 0.3% และมีรายได้รวม 5,679 ล้านบาท ลดลง 35.8% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 639 ล้านบาท ลดลง 43.8%”
อย่างไรก็ตาม พฤกษาฯ มั่นใจว่า ผลการดำเนินงานไตมาส 2/65 จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีปัจจัยหนุนจากการทยอยโอนคอนโดพร้อมอยู่ 7 โครงการ ซึ่งเลื่อนมาจากไตรมาสแรกเพราะผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงานก่อสร้างทำให้การก่อสร้างล่าช้า ซึ่ง ณ ปัจจุบันสามารถแก้ปัญหาได้แล้ว ทำให้การก่อสร้างกลับมาเดินหน้า และจะสามารถเริ่มโอนโครงการให้ลูกค้าที่ซื้อได้ในช่วงไตรมาส 2/65 มากขึ้นซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนยอดโอนเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอนในมือกว่า 20,200 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยโอนในปีนี้ 18,700 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายในช่วงไตรมาส 2/65 คาดว่าจะมียอดขายมากกว่าไตรมาสแรก เนื่องจากบริษัทมีแผนจะเปิดตัว 9 โครงการ มูลค่ากว่า 5,900 ล้านบาท ซึ่งเป็นการสร้างความต่อเนื่องของยอดขายหลังจากที่บริษัทมีการเลื่อนเปิดโครงการใหม่ในช่วงไตรมาสแรก
นายอุเทน กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์ปีนี้พฤกษายังเดินหน้าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กับธุรกิจเฮลท์แคร์โดยพัฒนาโครงการแบบมิกซ์ยูส มีทั้งที่อยู่อาศัยและบริการด้านสุขภาพ โดยเดือนสิงหาคมนี้จะเปิดให้บริการศูนย์สุขภาพแห่งแรกในชุมชนพฤกษา ขนาด 50 เตียง ตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการพฤกษา อเวนิว บางนา-วงแหวน อีกทั้งโรงพยาบาลวิมุตยังร่วมกับ JAS ASSET พัฒนาโครงการ SENERA SeniorWellness บริเวณถนนคู้บอน เป็นศูนย์เมดิคอล ขนาด 5,713 ตารางเมตร สูง 4 ชั้น ขนาด 78 เตียง คาดว่าจะเปิดบริการในเดือน ธ.ค.นี้ และยังได้ลงทุนด้านเฮลท์เทค พร็อพเทคทั้งในไทย ออสเตรเลีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ เพื่อรองรับเทรนด์ที่อยู่อาศัยและการดูแลสุขภาพ
สำหรับโรงพยาบาลวิมุต ซึ่งเป็นธุรกิจด้านสุขภาพนั้น ในไตรมาสแรกที่ผ่านมามีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจากการให้บริการเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ส่งผลให้ไตรมาส แรกมีรายได้ 244 ล้านบาท เติบโต 59% จากไตรมาส 4/64 ขณะที่โรงพยาบาลเทพธารินทร์ ที่บริษัทเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 65% ได้ส่วนแบ่งกำไรจากผลประกอบการโรงพยาบาลเทพธารินทร์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ แผนธุรกิจในไตรมาส 2 คาดว่ารายได้หลักจะมาจากการดำเนินงานเต็มรูปแบบของบริการด้านการแพทย์ โรงพยาบาลและบริการศูนย์ฟื้นฟูดูแลสุขภาพครอบครัว และผู้สูงอายุ ซึ่งพัฒนาไปพร้อมกับโครงการที่อยู่อาศัยใหม่
