ห้วงนี้ตลาดหุ้นไทยสุดผันผวน ร่วงลดแรงติดต่อกันหลายวัน ทำให้ดัชนีหลักทรัพย์หลุด 1,600 จุดไปเรียบร้อย ส่งผลหุ้นพื้นฐานหลายตัว ราคาย่อลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ยิ่งเฉพาะกลุ่ม SET 100 ที่ ราคาย้อนหลัง5วัน มี มากถึง 25 หลักทรัพย์ที่ราคาปรับลดลงมากกว่า 5% โดยคัดเลือกมา 10 อันดับที่ราคาลงแรงสุดในระดับ เกินกว่า 9.00% ขึ้นไป และหลายตัวใกล้ทำ New Low อีกด้วย
1.JMT (บมจ. เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส) ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน -13.38% (จากราคา 78.50 บาทเหลือ 68.00บาท ลดลง 10.50 บาท) ส่วนผลตอบแทนราคา YTD -0.73%, อัตราเงินปันผลตอบแทน 1.07%, P/E 69.69 เท่า , P/BV 5.13เท่า ,Market Cap 97,588.00 ล้านบาท, 52 Week High/Low 88.25 / 38.34 บาท
JMT ไตรมาส 1/65 มีกำไร 366.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 282.83 ล้านบาท เนื่องจากการบริหารจัดเก็บพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพที่ดี สำหรับกำไรขั้นต้นจากงบการเงินรวม ในไตรมาส 1/65 เท่ากับ 732.1 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่ 67.9% ลดลง จากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา
2.STARK (บมจ. สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น) ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง5วัน-13.19% (จากราคา 4.70 บาท เหลือ 4.08 บาท ลดลง 0.62 บาท) ส่วนผลตอบแทนราคา YTD -13.92%, อัตราเงินปันผลตอบแทนN/A , P/E 17.45 เท่า , P/BV7.47 เท่า ,Market Cap 48,578.13 ล้านบาท, 52 Week High/Low 5.45 / 3.68 บาท
STARK ไตรมาส 1 กำไรโต 30% กำไรสุทธิ 569.79 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.047 บาท เพิ่มขึ้น 131.72 ล้านบาทบริษัทฯ มียอดขายที่ปรับตัวสูงขึ้นจากโครงการภาครัฐและเอกชนที่ดำเนินการก่อสร้างอย่างต่อเนื่องตามแผนงานและกำหนดการ ส่งผลให้รายได้หลักไตรมาส 1/2565 เท่ากับ 6,176 ล้านบาท เติบโต 32.66 จาก 4,655 ล้านบาทในไตรมาส 1/2564
3.ORI (บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้) ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน -13.08% (จากราคา 10.70 บาท เหลือ 9.30 บาท ลดลง 1.40 บาท) ส่วนผลตอบแทนราคา YTD -17.70%, อัตราเงินปันผลตอบแทน 5.81%, P/E 7.35 เท่า , P/BV 1.53 เท่า ,Market Cap 22,823.34 ล้านบาท, 52 Week High/Low 12.70 / 8.20 บาท
ORI แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1/65 มีกำไรสุทธิ 737.94 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.3008 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 825.07 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.3364 บาท ขณะที่ไตรมาส 2/65 จะมีการรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากโรงแรมไอบิส (ibis) จำนวน 3 แห่งที่เพิ่งดำเนินการซื้อกิจการเสร็จสิ้น
4.PTTGC (บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล) ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน -10.61% (จากราคา 49.50 บาท เหลือ44.25 บาท ลดลง 5.25 บาท) ส่วนผลตอบแทนราคา YTD -24.68%, อัตราเงินปันผลตอบแทน 8.45%, P/E 5.05 เท่า , P/BV 0.63 เท่า ,Market Cap 199,516.57 ล้านบาท, 52 Week High/Low 68.00 / 44.25 บาท
PTTGC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/65 อยู่ที่ 4.2 พันล้านบาท ลดลง 57% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 30% จากไตรมาสก่อน สอดคล้องกับที่ตลาดคาด โดยกำไรที่ลดลงอย่างมากจากผลขาดทุนจากกิจกรรมป้องกันความเสี่ยง หรือ hedging lossที่สูงขึ้นจากการทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันดิบและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันและราคาน้ำมันดิบ และค่าใช้จ่ายทางการเงินที่สูงขึ้น
5.SYNEX (บมจ. ซินเน็ค (ประเทศไทย)) ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน -10.43% (จากราคา 23.00 บาท เหลือ 20.60 บาท ลดลง 2.40 บาท) ส่วนผลตอบแทนราคา YTD -43.56%, อัตราเงินปันผลตอบแทน 3.40%, P/E 19.45 เท่า , P/BV 4.22 เท่า ,Market Cap 17,455.64 ล้านบาท, 52 Week High/Low 37.00 / 20.50 บาท
SYNEX งบไตรมาส 1/65 กำไรโต 20% แตะ 222.29 ล้านบาท จากปีก่อนกำไร 185.15 ล้านบาท รับรายได้ขาย-บริการเพิ่มกว่า 15% ภาพรวมผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นผลมาจากการปรับตัวดีขึ้นของอุปทานของสินค้าไอที ทำให้บริษัทฯสามารถมีสินค้าขายมากขึ้น รวมถึงความต้องการสินค้าในกลุ่มคอมเมอร์เชียลมีมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าระบบเครือข่าย(Network)และคอมพิวเตอร์แบบพกพาสำหรับองค์กร
6.IRPC (บมจ. ไออาร์พีซี) ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน -9.88% (จากราคา 3.44 บาท เหลือ 3.10 บาท ลดลง 0.34 บาท) ส่วนผลตอบแทนราคา YTD -19.27%, อัตราเงินปันผลตอบแทน 7.10%, P/E 6.08 เท่า , P/BV 0.71 เท่า , Market Cap 63,346.70 ล้านบาท, 52 Week High/Low 4.76 / 3.06 บาท
IRPC ประกาศกำไรไตรมาส 1/65 ที่ 1.5 พันล้านบาท ลดลง 73% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 32% จากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทั้งน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานและปิโตรเคมี ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ประกอบกับต้นทุนราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินปรับตัวดีขึ้น
7.TQM (บมจ. ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น) ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน -9.73% (จากราคา 46.25 บาท เหลือ 41.75 บาท ลดลง 4.50 บาท) ส่วนผลตอบแทนราคา YTD -13.92%, อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.93%, P/E 27.76 เท่า , P/BV 8.84 เท่า ,Market Cap 25,050.00 ล้านบาท, 52 Week High/Low 61.75 / 39.50 บาท
TQM ไตรมาสแรกทำกำไร 211 ล้านบาท เติบโต 4.7% และรายได้กว่า 875 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.7% โดยหลักมาจากประกันรถยนต์ มั่นใจตลาดประกันยังมีดีมานด์ โดยเฉพาะประกันสุขภาพ ลูกค้าหันมาเลือกความคุ้มครองที่เน้นค่ารักษาพยาบาลมากขึ้น มั่นใจบรรลุเป้าเบี้ยปี 65 ที่ 29,000 ล้านบาท
8.CRC (บมจ. เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น) ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน -9.55% (จากราคา 39.25 บาทเหลือ 35.50 บาท ลดลง 3.75 บาท) ส่วนผลตอบแทนราคา YTD +10.94%, อัตราเงินปันผลตอบแทน 0.85%, P/E 248.42 เท่า , P/BV 3.70 เท่า ,Market Cap 214,100.50 ล้านบาท, 52 Week High/Low 41.75 / 29.75 บาท
CRC ไตรมาส 1/65 ที่ 1,324 ล้านบาท โต 189% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่รายได้รวม 56,274 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15%เซ็นทรัล รีเทล วางเป้าสามารถปิดปี 2565 นี้ ด้วยยอดขายเติบโต 15-20% ตอกย้ำการเป็นผู้นำในโลกค้าปลีกแห่งอนาคต และขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งด้าน Omni-Centric Retailer แห่งเอเชีย
9.JMART (บมจ. เจ มาร์ท) ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน -9.65% (จากราคา 57.00 บาท เหลือ 51.50 บาท ลดลง 5.50 บาท) ส่วนผลตอบแทนราคา YTD -10.43%, อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.84 %, P/E 29.52 เท่า , P/BV 4.22 เท่า ,Market Cap 72,833.36 ล้านบาท, 52 Week High/Low 64.00 / 30.50 บาท
มีผลกำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 325.12 ล้านบาท โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ร้อยละ 9.30 และคิดเป็นอัตรากำไรต่อหุ้น อยู่ที่ 0.233 หากเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2564 ที่ผ่านมาซึ่งมีกำไรพิเศษจากการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท KBJ Capital มูลค่า 66 ล้านบาท จะทำให้การเติบโตของกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับร้อยละ 22นอกจากนี้บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้น อยู่ที่ 1,065.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.10 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
10.RBF (บมจ. อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย) ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน -9.26% (จากราคา 16.20 บาท เหลือ 14.70 บาท ลดลง 1.50 บาท) ส่วนผลตอบแทนราคา YTD -34.67%, อัตราเงินปันผลตอบแทน 1.02%, P/E 57.88 เท่า , P/BV 6.73 เท่า ,Market Cap 29,400.00 ล้านบาท, 52 Week High/Low 24.50 / 14.60 บาท
กำไรสุทธิ ไตรมาส 1/2565 ที่ 163 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 57% จากไตรมาสก่อนหน้า จากยอดขายเพิ่มขึ้นในเกือบทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์และยอดขายต่างประเทศฟื้นแรงคาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/2565 ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า
นอกจากนี้ ยังมีหุ้นกลุ่ม SET 100 ที่ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง5วัน ลบเกิน 5% อีก 15 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย ACE -9.21%, STGT -8.82%, RATCH -8.38%, SAWAD -7.84%, KEX -7.55%, BANPU -7.20%, CENTEL -6.32%, MINT -5.88%, BCH -5.66%, SCB -5.29%, TRUE -5.24%, BLA -5.23%, CK -5.13%, COM7 -5.10%, SPALI -5.09%