xs
xsm
sm
md
lg

Satang แนะตั้งสติก่อนเทรด เหตุตลาดผันผวนแรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายสรัล ศิริพันโนน ซีอีโอ Satang Corporation
กระดานเทรด Satang ชี้ตลาดคริปโตฯ ผันผวนแรงจากแรงกดดันตลาดแพนิก ทั้งจากวิกฤตของเหรียญ Stablecoin UST และ LUNA ที่ส่งผลให้เหรียญในกลุ่ม DeFi และ Stablecoin โดยเฉพาะ FED อาจเข้าสู่ตลาดหมีอย่างยืดยาวไป 1 ถึง 2 เดือนเป็นอย่างน้อย แนะลงทุนอย่างมีสติ

นายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง Satang ผู้ให้บริการธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและบล็อกเชน กล่าวว่า ตลาดคริปโตฯ ตอนนี้เข้าสู่ช่วงตลาดหมีอย่างแท้จริง ซึ่งส่งสัญญาณมาตั้งแต่ต้นปี โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ที่ราคาบิตคอยน์ตกลงไปต่ำกว่า 1 ล้านบาทนั้นเกิดจากแรงกดดันตลาดแพนิก ทั้งจากวิกฤตของเหรียญ Stablecoin UST และ LUNA ที่ส่งผลให้เหรียญในกลุ่ม DeFi และ Stablecoin รวมทั้งเหรียญอื่นถูกเทขายออกมา สิ่งที่กดดันมากขึ้นคือ FED ที่คงต้องขึ้นดอกเบี้ยอย่างจริงจังมากขึ้น เพราะตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI : Consumer price index ซึ่งใช้เพื่อคำนวณอัตราเงินเฟ้อ) เร่งตัวขึ้น 8.3 เปอร์เซ็นต์ในเดือนเมษายน มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 8.1 เปอร์เซ็นต์ และใกล้ระดับสูงสุดในรอบกว่า 40 ปี ซึ่งปัจจัยจาก FED กับการต่อสู้กับวิกฤตเงินเฟ้อนั้นยังคงอยู่ไปอีกอย่างน้อย 3 ถึง 4 เดือนจากนี้ นั่นย่อมกดดันให้คริปโตเคอร์เรนซียังสามารถลงไปทดสอบระดับล่างได้อีก

“มองว่าทางเทคนิค Bitcoin และเหรียญ Altcoin อื่นๆ อยู่ในขาลง และคงไม่จบใน 1 ถึง 2 สัปดาห์นี้ อาจยืดยาวไป 1 ถึง 2 เดือนเป็นอย่างน้อย ราคาของบิตคอยน์อาจเคลื่อนไหวไปมาในช่วงกว้างๆ ระหว่าง $32,000 ถึง $ 25,000 อยู่หลายสัปดาห์จากนี้ อยากจะเตือนนักเทรดว่าตอนนี้อย่าใช้อารมณ์ในการเทรด ต้องมีสติ และบริหารการเงินให้ดี”

นายสรัล ศิริพันโนน ซีอีโอ Satang Corporation กล่าวย้ำว่า เวลานี้การจะมองหาว่าเหรียญหรือสินทรัพย์ใดเป็น safe - haven นั้นอาจจะยากอยู่สักหน่อย แน่นอนว่าเมื่อ FED ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อกำจัดอัตราเงินเฟ้อ ย่อมทำให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น ทองคำ คริปโตฯ อยู่ในภาวะกดดันคือไม่ขึ้นหรือลงมาอีก ในช่วง 4-5 เดือนนี้ และเมื่อสินทรัพย์แทบทุกชนิดถูกเทขาย (ยกเว้นน้ำมันกับก๊าซที่ยังขาขึ้นในช่วง 1-2 เดือนนี้) เงินจะไหลกลับมาที่ US Dollar อีก เพราะการที่ USD แข็งค่าขึ้น แสดงว่าไม่มีทรัพย์สินอื่นน่าสนใจลงทุน

ทั้งนี้ อยากจะฝากข้อคิดว่าก่อนจะลงทุนควรต้องตั้งคำถามกับตัวเอง 2 ข้อ คือ 1) สินทรัพย์ที่จะลงทุนจะลงไปได้มากที่สุดขนาดไหน (maximum drawdown) 2) อีกยาวนานแค่ไหนที่สินทรัพย์นั้นจะเริ่มกลับมาฟื้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักคิดถึงแต่ประเด็นข้อ 1 แต่ลืมถามข้อ 2 เรื่องที่เกี่ยวกับเวลาในการถือครองทรัพย์สินระหว่างขาลงยังไม่จบ จนกลับมาขาขึ้นเป็นกำไร อย่าลืมว่าระยะเวลาเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนั่นหมายถึงต้นทุนของการได้หรือเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้น ดังนั้น อย่าถือสินทรัพย์ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ อย่าทุ่มการลงทุนไปในสินทรัพย์กลุ่มเดียว ควรมีเงินสดไว้ด้วยเพราะสินทรัพย์ช่วงนี้มีจะโอกาสที่จะราคาผันผวนสูง อย่าพยายามสร้างหนี้สินเพิ่ม ไม่ควรกู้เงินมาลงทุนเด็ดขาด

“สินทรัพย์ดิจิทัลนั้นเป็นสินทรัพย์เสี่ยงสูง ควรศึกษาหาความรู้ให้เข้าใจ เทรดแบบมองข้อมูลเชิงพื้นฐานและศึกษาข้อมูลเชิงลึกด้วยเพื่อป้องกันความเสี่ยง ที่สำคัญคือต้องใช้สติและวิจารณญาณในการลงทุน และจะซื้อขายให้ปลอดภัยต้องผ่านเว็บเทรดที่ได้รับใบอนุญาตศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจาก ก.ล.ต. อย่าง Satang Pro ที่เน้นการพัฒนาระบบความเสถียร รวดเร็ว ตลอดจนรักษามาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลและสินทรัพย์ของลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง”


กำลังโหลดความคิดเห็น