ตลาดหุ้นไทยต้นภาคเช้าปรับตัวลงกว่า 13 จุด และหลุดระดับ 1,600 จุด ตามตลาดต่างประเทศ จากความกังวลธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงหลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน เม.ย. พุ่ง 8.3% มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์
โดยเมื่อเวลา 10.04 น.ดัชนี SET อยู่ที่ 1,599.86 จุด ลดลง 13.48 จุด (-0.84%)
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวผันผวนอิงทางลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลังเมื่อวานนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ได้มีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคปรับตัวขึ้น 8.3% ในเดือน เม.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.1% แต่ต่ำกว่าระดับ 8.5% ในเดือน มี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.2524 ทำให้นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น จากเดิมที่คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.5% ในเดือน มิ.ย.และ ก.ค. เปลี่ยนเป็น 3 ครั้ง โดยเพิ่มเดือน ก.ย.เข้ามา
ทั้งนี้ จากตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นกว่าคาดส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นกดดันค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลงต่อเนื่อง โดยล่าสุดทะลุ 34.6 บาท/ดอลลาร์ไปแล้ว ซึ่งอ่อนค่าสุดในรอบ 5 ปี แต่อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลงของตลาดหุ้นไทยน่าจะลงไปไม่มากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดีดกลับขึ้นไป 6% จากยูเครนระงับการขนส่งก๊าซจากรัสเซียไปยังยุโรป ซึ่งน่าจะหนุนหุ้นกลุ่มน้ำมันบ้านเราให้ปรับตัวขึ้นได้ และช่วยประคองตลาดเอาไว้
พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,590-1,600 จุด และแนวต้าน 1,625-1,630 จุด