"ธีระมงคล อุตสาหกรรม" คาดไตรมาสแรกปีนี้สัญญาณดีจากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง เตรียม COD โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพแห่งที่ 3 จังหวัดสุพรรณบุรี ภายในเดือนมิถุนายนนี้ พร้อมประกาศเดินหน้าขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าต่อเนื่อง สร้างสถิติเติบโตสูงสุดใหม่ ดันรายได้โต 20%
นายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TMI ผู้ประกอบธุรกิจออกแบบ ผลิต และจัดจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าส่องสว่าง และธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน เปิดเผยถึงภาพรวมการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 ว่า มีแนวโน้มการเติบโตขึ้นอย่างน่าพอใจ โดยเฉพาะธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนที่รับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในโครงการโรงไฟฟ้าชีวภาพ จังหวัดสมุทรสาคร และโรงไฟฟ้าชีวภาพ จังหวัดชุมพร ที่มีกำลังการผลิตรวม 2.4 เมกะวัตต์
โดยปี 2565 บริษัทฯ มุ่งเน้นเดินหน้าธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวภาพและธุรกิจส่องสว่างอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “รางปลั๊กไฟ” คุณภาพสูงกว่ารุ่นเดิม ตามมาตรฐานข้อกำหนดของ มอก. รองรับธุรกิจร้านอาหารแบบปิ้งย่าง พร้อมเตรียมเดินเครื่องโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ ขนาดกำลังผลิต 3 เมกะวัตต์ ในอำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าชีวภาพแห่งที่ 3 เพื่อผลิตไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในเดือนมิถุนายน 2565 เมื่อรวมกับโรงไฟฟ้าเดิมและโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ทำให้โรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง มีกำลังการผลิตรวม 5.4 เมกะวัตต์ พร้อมวางเป้าหมายขยายการลงทุนเชิงรุกในอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้าชีวภาพด้วยการเปิดรับซื้อโรงไฟฟ้าชีวภาพเพิ่มเติม พร้อมวางเป้าหมายมีกำลังการผลิตรวม 7 เมกะวัตต์ ในไตรมาส 4/2565 และกำหนดเป้าหมายมีโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนรวมกำลังการผลิต 12 เมกะวัตต์ ภายในปี 2566 นับเป็นการสร้างการเติบโตให้ธุรกิจอย่างก้าวกระโดด
ทั้งนี้ การเดินเครื่องโรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ในปี 2565 เพิ่มขึ้นจากทุกปีที่ผ่านมา รวมถึงกำไรที่มีโอกาสกลับมาทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 5 ปี จากเดิมที่บริษัทมีกำไรอยู่สูงสุด 40 ล้านบาท ผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% จากปี 2564
“TMI ยังคงเดินหน้าเข้าไปลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าชีวภาพแห่งใหม่เพิ่มเติมตามแผนที่วางไว้ ภายใต้การบริหารจัดการกระบวนการผลิตที่สอดคล้องตามมาตรฐานสากล การเลือกใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงทั้งด้านการผลิตและการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการสร้างความมั่นคงให้ระบบพลังงานประเทศ พร้อมมุ่งขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายธีระชัย กล่าว
