"ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป" ตั้ง 2 บริษัทย่อยแห่งใหม่ "ไทยฟู้ดส์ รีนิวเอเบิล" ดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทนเพื่อเป็นกระแสไฟฟ้าใช้ภายในโรงงาน เพื่อลดต้นทุน และ "มาย เพ็ท" ดำเนินธุรกิจสัตว์เลี้ยงครบวงจร เพื่อกระจายการลงทุนและเพิ่มแหล่งที่มารายได้ใหม่ หนุนธุรกิจในอนาคตเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
นายเพชร นันทวิสัย ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TFG) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัทย่อย 2 บริษัท เพื่อดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทน และธุรกิจสัตว์เลี้ยงครบวงจร ประกอบด้วย บริษัท ไทยฟู้ดส์ รีนิวเอเบิล จำกัด เป็นบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2565 ทุนจดทะเบียนที่ 100,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 1,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 25,000,000 บาท
ทั้งนี้ โครงการแรกที่มีแผนจะเริ่มทำ ได้แก่ โครงการนำของเสียที่ได้จากกระบวนการบ่อบำบัดน้ำเสียมาผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าใช้ภายในโรงงาน มีมูลค่าลงทุนประมาณ 250 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องและเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการในการลดก๊าซเรือนกระจกในประเทศไทย (พ.ศ.2564-2573) ซึ่งบริษัทตระหนักถึงการช่วยลดภาวะโลกร้อน และก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ผิดปกติ นอกจากนี้ บริษัทได้มีโครงการร่วมลงทุนในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งได้ทยอย COD ไปแล้วกว่า 17.56 เมกะวัตต์
พร้อมกันนี้ ได้จัดตั้งบริษัทย่อยอีกแห่งคือ บริษัท มาย เพ็ท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจสัตว์เลี้ยงครบวงจร ปัจจุบันมีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนมากขึ้นแล้ว ซึ่งได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันที่ 10 มีนาคม 2565 ทุนจดทะเบียน 2,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 20,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท และมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 500,000 บาท โดยประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ เพื่อกระจายการลงทุนและหาโอกาสในการดำเนินธุรกิจใหม่
"บริษัทมั่นใจว่าทั้ง 2 โปรเจกต์จะช่วยผลักดันธุรกิจของไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต พร้อมสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้นได้ โดยในส่วนของพลังงานทดแทนนั้นเป็นโปรเจกต์ที่จะช่วยบริษัทฯ ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ในระดับที่น่าพอใจ ส่วนการรุกไปสู่ธุรกิจสัตว์เลี้ยงครบวงจร ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงพร้อมๆ กับการหาแหล่งรายได้ใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาได้ศึกษาข้อมูลและมีแผนการลงทุนที่ชัดเจนแล้ว จึงมั่นใจว่าจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจในกลุ่มบริษัทฯ ที่จะสร้างรายได้ในอนาคตให้บริษัทต่อไป"