xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยร่วง -7.08 จุด หวั่นเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย จุดชนวนสงครามเศรษฐกิจโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นไทยปิดร่วง -7.08 จุด โบรก ฯ ชี้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นภูมิภาค-ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงทุกกระดาน เหตุตลาดกังวลธนาคารกลางสหรัฐปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงขึ้น อาจจุดชนวนสงครามเศรษฐกิจโลก ประเมินกรอบการลงทุนพรุ่งนี้แนวต้านที่ 1,670 จุดและแนวรับที่ 1,650-1,660 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 27 เมษายน 2565 ปรับตัวลดลง -7.08 จุด หรือ -0.42% โดยปิดตลาดที่ 1,661.89 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 76,764.75 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน แม้ว่าการซื้อขายในครึ่งวันเช้าอยู่ในบวกเล็กน้อย โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,670.22 จุด ขณะที่ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,655.25 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 461 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 444 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 1,321 หลักทรัพย์

ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า +2,303.29 ล้านบาท และ นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +1,426.18 ล้านบาท และ บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +45.56 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -3,775.03 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.SCB มูลค่าการซื้อขาย 4,496.22 ล้านบาท ปิดที่ 114.00 บาท เพิ่มขึ้น 43.00 บาท
2.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,433.42 ล้านบาท ปิดที่ 151.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
3.AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,932.62 ล้านบาท ปิดที่ 68.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
4.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,817.97 ล้านบาท ปิดที่ 148.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
5.IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,810.62 ล้านบาท ปิดที่ 43.50 บาท ลดลง 1.50 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCB ปิดที่ 114.00 บาท เพิ่มขึ้น 43.00 บาท หรือ 60.56%
2.PTTEP ปิดที่ 148.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท หรือ 2.42%
3.TQM ปิดที่ 47.25 บาท เพิ่มขึ้น +2.25 บาท หรือ 5.00%
4.ADVANC ปิดที่ 219.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 0.92%
5.BCP ปิดที่ 32.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 3.15%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่

1.BH ปิดที่ 165.50 บาท ลดลง 2.50 บาทหรือ 1.49%
2.LA ปิดที่ 42.50 บาท ลดลง 2.25 บาทหรือ 5.03%
3.SCC ปิดที่ 356.00 บาท ลดลง 2.00 บาทหรือ 0.56%
4.IVL ปิดที่ 43.50 บาท ลดลง 1.50 บาทหรือ 3.33%
5.MTC ปิดที่ 46.50 บาท ลดลง 1.25 บาทหรือ 2.62%
ด้านดัชนี SET100 ปิดที่ 2,237.48 จุด ลดลง -5.59 จุด หรือ -0.25% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 978.76 จุด ลดลง -2.40 จุด หรือ -0.24% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 667.36 จุด ลดลง -2.98 จุด หรือ -0.44%

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง จากแรงกดดันของบรรยากาศการลงทุนภายนอกประเทศที่เป็นลบ หลังนักลงทุนกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 4-5 พ.ค.นี้ รวมถึงยังมีแรงขายทำกำไรหลังการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 1/65 ของสหรัฐ และความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังรัสเซียระงับการจัดส่งก๊าซธรรมชาติไปยังบัลแกเรีย โปแลนด์

ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้คาดว่าดัชนีน่าจะชะลอการปรับตัวลง หลังเข้าใกล้แนวรับ แต่การฟื้นตัวก็ยังเป็นไปอย่างจำกัด โดยนักลงทุนรอดูการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า โดยประเมินแนวรับที่ 1,650-1,660 จุด และแนวต้านที่ 1,670 จุด

ขณะที่นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย (PI) มองภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยว่า ภาพรวมหุ้นไทยปรับตัวลงเป็นผลจากแรงกดดันตลาดหุ้นภูมิภาคและตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับฐานหนักเมื่อคืนที่ผ่านมาหลัก ๆ นักลงทุนกังวลว่าการขึ้นดอกเบี้ยของ FED จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ รวมไปถึงสถาน การณ์ COVID-19 ที่ระบาดในจีนจะเป็นตัวกดดันการเติบโตเศรษฐกิจโลกในอีกทาง

ส่วนหุ้นที่กดตลาดในวันนี้เป็นกลุ่มพลังงาน ค้าปลีก โรงไฟฟ้า แบงก์ และ ปิโตรเคมี ซึ่งล่าสุด Dow Jones Future เคลื่อนไหวบวกอยู่ประมาณ 1% เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐมีโอกาสฟื้นตัวในคืนนี้ ขณะที่ตลาดหุ้น EU เปิดมาในภาคบ่ายก็แกว่งในแดนบวก สำหรับแนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดมีจังหวะของการฟื้นตัวบ้างหลังปรับฐานไปในวันนี้ประเมินกรอบ 1,661 - 1,670 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น