เปอร์โตริโก เป็น “โลกใบเล็กของชุมชนคริปโตเคอร์เรนซีแห่งแรกของโลก” ซึ่งที่พวกเขากำลังพูดนั้นเกินจริงหรือไม่ และพวกเขากำลังทำอะไรอยู่? เห็นได้ชัดว่ากฎหมายภาษีที่เอื้ออำนวยได้นำ “ผู้อพยพชาวอเมริกันที่มีความมั่งคั่งกว่า 10,000 คน” มายังเกาะแห่งนี้ และจากจำนวนดังกล่าว “มีผู้มาถึงประมาณ 3,000 คนเป็นเศรษฐีสกุลเงินดิจิทัลที่เพิ่งสร้างใหม่” และ “อีกประมาณ 4,000 บริษัท ทำให้บุคคลผู้ที่มีความมั่งคั่งได้ทยอยย้ายไปอยู่ที่เปอร์โตริโกเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
บทความล่าสุดของ The Times ระบุว่าเปอร์โตริโก กลายเป็นดินแดนสวรรค์แห่งใหม่ของนักลงทุนคริปโตฯ ซึ่งจากตัวเลขข้างต้นเหล่านี้แม้ว่าอาจมีความคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง ซึ่งผู้เขียนกล่าวว่า “ในปี 2555 รัฐบาลของเปอร์โตริโก ซึ่งเป็นอาณาเขตของสหรัฐฯ ได้ผ่านกฎหมายหลายฉบับที่เสนอมาตรการจูงใจด้านภาษีแก่นักลงทุนชาวอเมริกันที่ต้องการย้ายถิ่นฐาน”
โดยเนื้อหารายละเอียดนั้นทำให้เกิดปรากฏการณ์ 2 ประการ 1 “นักเทรด หรือผู้เล่น crypto รุ่นเฮฟวีเวต เช่น กองทุนป้องกันความเสี่ยง Pantera และบริษัทบริหารความเสี่ยง Darma Capital ได้ย้ายไปอยู่ที่เปอร์โตริโก” และประการที่ 2 “คนในท้องถิ่นบางคนซึ่งส่วนมากพวกเขาไม่ชอบการลดหย่อนภาษีแบบเดียวกัน ซึ่งได้ให้เอกสิทธิ์ในการเข้ามาของนักลงทุนภายนอก และการหลั่งไหลเข้ามาของคนนอกที่ร่ำรวยทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้นเกินกว่าที่ผู้อยู่อาศัยจะสามารถเข้าถึงได้”
ขณะที่หากย้อนกลับไปในปี 2560 เหตุการณ์ภัยธรรมชาติซึ่งมาจากพายุขนาดมหึมาได้เข้าโจมตีเปอร์โตริโก “พายุเฮอริเคนมาเรียซึ่งเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 100 ปี โดยมีความเร็วลมรุนแรงกว่า 155 ไมล์ต่อชั่วโมง และสร้างความเสียหายให้เปอร์โตริโก ประมาณ 90 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ทั้งเกาะสูญเสียการเข้าถึงไฟฟ้าและปัญหาไฟดับซึ่งเกิดขึ้นตามปกติอยู่แล้ว ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน” ซึ่งจากกฎหมายด้านภาษีที่เอื้ออำนวยทำให้นักลงทุนแห่กันเข้ามาที่เกาะ และดูเหมือนว่าเกณฑ์ดึงดูดการลงทุนดังกล่าวนั้นได้ผลดีในการช่วยพลิกฟื้นความเสียหายของเปอร์โตริโกให้กลับคืนมาได้อย่างรวดเร็ว
เกิดอะไรขึ้นในเปอร์โตริโก?
“ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เปอร์โตริโกได้จัดการประชุมสกุลเงินดิจิทัล และตั้งค่าหลักสูตรสำหรับผู้เริ่มต้นใช้งานสำหรับชาวบ้านเพื่อเรียนรู้พื้นฐานของสกุลเงินดิจิทัล” ในอีกด้านหนึ่ง เขาอธิบายด้านของผู้ต่อต้านในการเข้ามาสูบทรัพยากรของเปอร์โตริโกว่า "เป็นผู้พลัดถิ่นภาษียุคใหม่ที่โลภ และสร้างจินตนาการโดยการดื่มด่ำกับความสิ้นหวังของคนเปอร์โตริโก”
Evan Arteaga มองว่าเปอร์โตริโกคือความฝันของเขา
ในบรรดาผู้ให้สัมภาษณ์คือ “Evan Arteaga วัย 38 ปี ที่อาศัยอยู่ในเปอร์โตริโกมา 4 ปีแล้ว” เขากระตือรือร้นอย่างมากเกี่ยวกับอุตสาหกรรมคริปโตฯ “นี่คือวิวัฒนาการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของตลาดทุน ฉันคิดว่านี่คืออนาคต เราแค่ต้องเดินหน้าต่อไป” และเขายังชื่นชมทุกสิ่งที่เปอร์โตริโกมอบให้เขา
“ภาษีคือสิ่งจูงใจให้มาที่นี่ พูดกันตรงๆ” อาร์เตกา กล่าว “คุณกำลังประหยัดภาษีกำไรจากการขาย 40% แต่ก็ยังเป็นสถานที่ที่สวยงาม เรามีชายหาด เรามีภูเขา นี่คือความฝันของฉัน"
Amanda Cassatt ชี้ว่าคริปโตฯ คือการกระจายอำนาจทุกอย่าง
“Cassatt วัย 31 ปี เป็นผู้ก่อตั้ง Serotonin หนึ่งในบริษัทการตลาดแห่งแรกที่ทุ่มเทให้การทำงานร่วมกับบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัล ”ซึ่งได้ให้นิยามความสำคัญในบทความว่า “กระจายอำนาจทุกอย่าง สกุลเงินเป็นเพียงจุดเริ่มต้น กระจายอำนาจตลาดพลังงาน นี่คือระยะฟักตัวของเศรษฐกิจโลกใหม่”
