นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ของ บมจ.ตาชำนิ (CEYE) เปิดเผยว่า ในช่วงจองซื้อหุ้น IPO ของ CEYE ระหว่างวันที่ 20-22 เม.ย.ที่ผ่านมา มีนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาจองซื้อเต็มจำนวน สะท้อนความเชื่อมั่นที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ CEYE ถือเป็นบริษัทครีเอทีฟโปรดักชันโฆษณารายใหญ่ของอุตสาหกรรม ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบรนด์ชั้นนำ และมีแนวโน้มการเติบโตในอัตราเร่ง หลังสถานการณ์โควิดผ่อนคลาย สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน และมั่นใจว่า CEYE จะได้รับการตอบรับที่ดีในวันเข้าซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดบริการ วันที่ 29 เม.ย.65
ทั้งนี้ CEYE เสนอขายหุ้นสามัญให้ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 70 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ราคา 3.86 บาท/หุ้น โดยมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย 3 แห่ง คือ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)
นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน CEYE กล่าวว่า CEYE มีปัจจัยพื้นฐานโดดเด่น ในฐานะหุ้นครีเอทีฟและโปรดักชันโฆษณาชั้นนำที่มีบริการอย่างครบวงจร มีจุดแข็งในความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของผู้บริหาร 30 ปี เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในบริการผลิตภาพนิ่ง ที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าแบรนด์ชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ รวมทั้งได้ต่อยอดมายังบริการผลิตภาพเคลื่อนไหว และการบริหารสื่อออนไลน์ (Social Media Management) และผลิตสื่อออนไลน์ (Online Media) เพื่อสอดรับกับช่องทางการสื่อสารและโฆษณายุคใหม่ ทำให้ปัจจุบัน CEYE สามารถรองรับการผลิตคอนเทนต์โฆษณาให้ลูกค้าครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม ขณะที่ผลการดำเนินงานแข็งแกร่งแม้ในสถานการณ์โควิด-19 บริษัทฯ มี D/E ณ สิ้นปี 64 ในระดับต่ำเพียง 0.41 เท่า
การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ครั้งนี้ จะสนับสนุนให้ CEYE มีศักยภาพในการขยายไปยังโอกาสใหม่ๆ และมองว่า CEYE จะเป็นอีกหุ้นในใจสำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาบริษัทที่มีจุดแข็งและพร้อมเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญในอนาคต
น.ส.สุวรรณี สุวรรณแสงโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ CEYE กล่าวว่า หลังจากนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุน จำนวนประมาณ 255.25 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) ไปใช้สำหรับวางรากฐานการเติบโตให้บริษัทฯ แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งการลงทุนในอาคารสำนักงานแห่งใหม่ ลงทุนในอุปกรณ์ ชำระคืนเงินกู้ยืม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับแผนการขยายธุรกิจในการเข้าสู่อุตสาหกรรมที่เป็นต้นน้ำและปลายน้ำได้อย่างครบวงจร รวมทั้ง การต่อยอดไปยังอุตสาหกรรมข้างเคียง ได้แก่ กลุ่มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ภาพยนตร์ ซีรีส์ เป็นต้น และสร้างอีโคซิสเต็มในงานด้านครีเอทีฟและโปรดักชันโฆษณา เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภค อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพการให้บริการ เพื่อเตรียมพร้อมขยายธุรกิจทั้งในประเทศไทย และรองรับงานต่างประเทศมากขึ้น
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 65 คาดว่าจะเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ หรือไม่ต่ำกว่าปี 62 ซึ่งเป็นช่วงก่อนโควิด-19 โดยในปี 62 มีรายได้รวม 311.74 ล้านบาท กำไรสุทธิ 38.57 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานล่าสุด ณ สิ้นปี 64 บริษัทฯ มีรายได้รวม 272.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.53% และมีกำไรสุทธิ 28.45 ล้านบาท เติบโต 101.89% เมื่อเทียบกับปีก่อน