ผู้ถือหุ้น "บี-52 แคปปิตอล" ไฟเขียวเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) โดยเตรียมออกหุ้นสามัญเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิม 143,137,732 หุ้น และบุคคลในวงจำกัด 71,568,866 หุ้น พร้อมปักธงล้างขาดทุนสะสมหมดเกลี้ยงภายในปีนี้ และคาดจะปลดเครื่องหมาย C ภายในเดือนพ.ค.นี้ เดินหน้าต่อยอดธุรกิจค้าปลีกรูปแบบใหม่ เล็งจับมือพันธมิตรรายใหญ่ร่วมพัฒนาผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ "ทันใจดี"
น.ส.นราวดี วรวณิชชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี-52 แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) B52 เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท แบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวน 107,353,299 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 465,197,630.50 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ไม่เกิน 214,706,598 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering) ตามสัดส่วนการถือหุ้นเดิม จำนวน 143,137,732 หุ้น และบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 71,568,866 หุ้น
ทั้งนี้ วัตถุประสงค์การเพิ่มทุนโดยการทำเป็น general mandate ให้อำนาจกรรมการในการเพิ่มทุนได้ทันทีในกรณีที่จำเป็นเพื่อเตรียมความพร้อม และความคล่องตัวในกรณีในการขยายกิจการ หรือร่วมทุนกับ strategic partner
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯ มีความพร้อมที่จะเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างเต็มกำลัง หลังจากมีการปรับโครงสร้างทุน (ลดทุนชำระแล้ว) ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้สำเร็จเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2565 ทำให้มีส่วนเกินทุนอันเกิดจากการลดทุน (ทุนสำรองอื่น) จำนวน 983 ล้านบาทเศษ โดยสามารถที่จะนำส่วนเกินทุนดังกล่าวมาล้างขาดทุนสะสมและส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้นได้ตามกฎหมาย ทั้งนี้หากนำส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้นและขาดทุนสะสมที่มีรวมกันจำนวนมากกว่า 1,124 ล้านบาทเศษ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 มาหักล้างกับส่วนเกินทุนดังกล่าว จะทำให้เหลือขาดทุนสะสมเพียงจำนวน 141 ล้านบาทเศษ และคาดว่าบริษัทน่าจะมีโอกาสที่จะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดเกลี้ยงภายในปีนี้ ซึ่งจะทำให้มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งมากขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ เดินหน้าพัฒนาต่อยอดธุรกิจค้าปลีกผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ "ทันใจดี" ซึ่งเป็นเครือข่ายธุรกิจท้องถิ่นรูปแบบใหม่ โดยปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกร้านค้ามากกว่า 70,000 ร้านค้าทั่วประเทศ และอยู่ระหว่างการเจรจาความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรรายใหญ่หลายราย เพื่อที่จะใช้ประโยชน์จากเครือข่ายที่มีอยู่ในปัจจุบันต่อยอดไปในธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีก การเงิน และฟินเทคฯ โดยจะสนับสนุนการสร้างรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นได้อย่างก้าวกระโดดในอนาคต
"ภายหลังจากที่บริษัทฯ ได้ปรับโครงสร้างทุนเรียบร้อยแล้ว ทำให้บริษัทฯ มีความพร้อมอย่างยิ่งในการเดินหน้าขยายธุรกิจให้เติบโตได้ตามแผนที่วางไว้ ขณะเดียวกัน ภาพรวมของธุรกิจมีแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 1/2565 มีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีคุณสมบัติเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กำหนด ดังนั้น จึงคาดว่า B52 น่าจะปลดล็อกเครื่องหมาย C ได้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้" น.ส.นราวดี กล่าว