ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ประธานคณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา) เดินหน้าศึกษาการปรับโครงสร้างจำหน่ายสลากทั้งระบบให้เสร็จภายใน 3-6 เดือน พร้อมพิจารณาเพิ่มโทษทางกฎหมายต่อผู้กระทำผิด
วันนี้ (11 เม.ย.) เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมอเนกประสงค์ชั้น 3 สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานคณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา
นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการทำงานตามบทบาท อำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในการศึกษาและเสนอแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการเสนอขาย หรือขายสลากเกินกว่าราคาที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยองค์ประกอบของคณะกรรมการ ประกอบด้วย ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และมีรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธาน ส่วนคณะกรรมการเป็นผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ ผู้แทนอัยการสูงสุด ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์ และอดีตผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยมีผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน เป็นเลขานุการคณะอนุกรรมการ ผู้แทนศูนย์บริการประชาชน และหัวหน้าสำนักกฎหมาย สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
จากการประชุมระดมความคิดเห็นของอนุกรรมการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกสัปดาห์ และครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา ประธานคณะอนุกรรมการฯ ได้จัดกลุ่มหัวข้อการศึกษา และแก้ปัญหาในอนาคต โดยแบ่งเป็นต้นทาง กลางทาง และปลายทาง โดยต้นทาง เป็นส่วนของการกำหนดนโยบาย เริ่มจากการสรรหาคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล คณะอนุกรรมการได้ขอความร่วมมือจากสำนักงานส่งมติ หรือรายงานการประชุมคณะกรรมการสลากที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาว่า มีผลประโยชน์ทับซ้อนเกิดขึ้นหรือไม่ หรือมีวาระที่จะส่งผลให้ราคาขายสลากเกินราคาหรือไม่ เพื่อไม่ให้นโยบายของคณะกรรมการเกิดผลเสียต่อราคาจำหน่ายกลางทาง เป็นด้านการจัดการทั้งหมดของสำนักงานสลาก เช่น การจัดสรรสลากว่าส่วนไหนควรมีอยู่หรือส่วนไหนควรคัดออกไป รวมถึงการจัดสัดส่วนโควตาเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ ตลอดจนการจัดสรรให้องค์กร สมาคม และมูลนิธิต่างๆ ซึ่งต้องทำการศึกษาให้ได้สมาคม องค์กร ที่เป็นการกุศลและสาธารณประโยชน์ที่แท้จริง โดยในส่วนที่ยึดคืนอาจจะนำไปเพิ่มในส่วนของการซื้อ-จองล่วงหน้าเพื่อให้ผู้มีอาชีพขายสลากที่แท้จริงได้เข้าถึงสลากในการนำไปจำหน่ายเกิดประโยชน์กับคนที่ขายสลากจริงมากที่สุด นอกจากนี้ ควรต้องเน้นย้ำเรื่องการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในรูปแบบของกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ เพื่อลงโทษและให้รางวัลตอบแทนผู้ที่ทำความดี ให้ความร่วมมือในลักษณะของ White list และ Black list ก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบ ปิดจุดวิจารณ์ และคำนึงถึงทุกเข้าถึงของทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบาง นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการชุดนี้ยังมุ่งเป้าให้มีการขึ้นทะเบียนผู้ค้าให้จงได้ และปลายทาง เป็นส่วนของการจัดการนำมาตรการทางกฎหมายให้มีสภาพบังคับที่เข้มข้นขึ้น ทั้งแพ่ง อาญา และกฎหมายอื่นๆ รวมถึงการผลักดันการบังคับใช้กฎหมาย ด้วยการออกเป็นพระราชกำหนด เพื่อย่นระยะเวลาให้รวดเร็วขึ้น
จากการประชุมอย่างต่อเนื่องกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการได้มีข้อสรุปหัวข้อการศึกษาที่ลงลึกในมิติต่างๆ ได้แก่ สาเหตุของปัญหาทั้งหมดที่ทำให้สลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา ประกอบด้วย โครงสร้างราคา ช่องทางการจัดจำหน่าย การเปลี่ยนมือของสลาก ความเหมาะสมของสัดส่วนการจัดสรรและการกระจายสลาก และปัญหาการขัดกันแห่งผลประโยชน์ในระดับนโยบาย
อีกประเด็นหนึ่งที่คณะอนุกรรมการให้ความสำคัญ คือ แนวทางที่ทำให้สลากถึงมือผู้ขายจริงในราคาไม่เกิน 80 บาท รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์ การขึ้นทะเบียนผู้ค้า และการบริหารจัดการลูกค้าสัมพันธ์ การใช้กลไกการมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นต้น โดยศึกษาเปรียบเทียบงานวิจัย/รายงานการศึกษาต่างๆ และในขณะเดียวกัน ต้องมีการหาแนวทางมาตรการทางกฎหมายเพิ่มเติมเพื่อให้การบังคับใช้มีประสิทธิภาพ ทั้งทางแพ่ง อาญา และกฎหมายอื่น
ประธานคณะอนุกรรมการได้กำหนดกรอบระยะเวลาในการทำงานเพื่อให้ได้ผลการศึกษา และแนวทางตลอดจนมาตรการ ไม่เกิน 6 เดือน ที่จะต้องมีผลงานอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ หลังจากได้ผลการศึกษาแล้ว คณะอนุกรรมการจะส่งไปที่สำนักงานสลากเพื่อพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยคณะอนุกรรมการชุดนี้จะทำหน้าที่ศึกษาต้นตอปัญหา และเสนอแนวทางมาตรการที่จะสามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาให้สลากถึงมือผู้ขายจริง และผู้ซื้อสามารถซื้อได้ในราคา 80 บาทอย่างเป็นรูปธรรม