ก.ล.ต.สหรัฐฯ เปิดเผยถึงรายงานการการยื่นเอกสารว่า Elon Musk ซึ่งเป็น CEO ของ Tesla และ SpaceX ทุ่มงบเกือบ 3 พันล้านดอลลาร์เข้าลงทุนใน Twitter โดยสัดส่วนการถือครองหุ้นเกือบ 10% ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
จากการเปิดเผยของ electrek ระบุว่า จากผลการสำรวจพบว่า มหาเศรษฐีส่วนใหญ่มีทรัพย์สินส่วนใหญ่เชื่อมโยงการลงทุนในบริษัทเดียวกัน เช่น Jeff Bezos กับ Amazon และ Mark Zuckerberg ที่มี Meta (Facebook) โดยพวกเขามักจะมีพอร์ตหุ้นที่หลากหลายซึ่งมีมูลค่าอย่างน้อย 2,000-3,000 ล้านดอลลาร์
มัสค์ มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก แต่ในทางกลับกัน มัสค์มักอ้างว่าเขาลงทุนน้อยที่สุด โดยหุ้นสาธารณะที่เขาลงทุนนั้นมีเพียงแห่งเดียวที่เขาเป็นเจ้าของคือ ของเทสลา ซึ่งเป็นบริษัทที่เขาเป็นผู้บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง นอกจากนี้ เขายังมีการลงทุนภาคเอกชนอยู่บ้าง แต่มักจะอยู่ในบริษัทที่เขาเกี่ยวข้องโดยตรง เช่น SpaceX, The Boring Company และ Neuralink โดยในอดีตเขาลงทุนเล็กน้อยในธุรกิจสตาร์ทอัป เช่น DeepMind แต่เขากลับไม่ใส่ใจในการเข้าลงทุนเหล่านั้น โดยเขาให้ความเห็นว่าธุรกิจเหล่านั้นไม่เคยเป็นส่วนสำคัญในธุรกิจของเขา…จนกระทั่งถึงตอนนี้
โดยล่าสุด Twitter ได้เผยแพร่เอกสารรับรองซึ่งออกโดยสำนักงาน ก.ล.ต.ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำตามกฎระเบียบของ ก.ล.ต. หากมีนักลงทุนเข้าไปถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่มากกว่า 5% ซึ่ง Elon Musk ได้เข้าซื้อหุ้นของทวิตเตอร์ จำนวน 73,486,938 หุ้น ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 2.9 พันล้านดอลลาร์ ณ สิ้นวันศุกร์ หรือประมาณ 9.2% ของบริษัททั้งหมด ซึ่งเท่ากับว่าเป็นส่วนแบ่งมากกว่า Jack Dorsey ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter ที่เพิ่งลาออกจากตำแหน่ง CEO ของบริษัท และมีส่วนแบ่งมากกว่า The Vanguard Group ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด แม้ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้นในนามสถาบันก็ตาม
หุ้น Twitter พุ่งขึ้น 25% รับข่าว Elon Musk นั่งแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาด โดยการลงทุนของ Musk ในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่เขาแสดงความคิดเห็นหลายอย่างใน Twitter โดยเขาระบุว่า อาจมีส่วนร่วมในการเปิดตัวแพลตฟอร์มโซเชียลใหม่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาวางแผนที่จะเปลี่ยนโครงสร้างการทำงานและระบบต่างๆ ภายในองค์กร
Elon Musk CEO ของ Tesla จัดว่าเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลอย่างและได้รับความนิยมอย่างมาก Twitter โดยมีผู้ติดตามมากกว่า 80 ล้านคน ซึ่งเขาใช้เป็นช่องทางหลักในการสื่อสารกับสาธารณะ โดยเฉพาะกับเหล่าสาวกเหรียญมีหหมา Dogecoin ซึ่งเขาถูกยกย่องให้เป็นบิดาแห่งเหรียญมีมหมา โดยชูนโยบายการพัฒนาเหรียญเพื่อทำธุรกรรมแข่งกับ Bitcoin ให้การทำธุรกรรมที่มีความรวดเร็วกว่า และค่าธรรมเนียมที่ถูกลงมากกว่า โดยเฉพาะการโพสต์ทวิต "To The Moon" ซึ่งทำให้ราคาเหรียญ Dogecoin ปรับตัวพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทรัพย์สินหลักของ Elon Musk ส่วนใหญ่ผูกติดอยู่กับธุรกิจใน SpaceX และ Tesla โดยเมื่อปีที่แล้ว เขาขายหุ้นในเทสลาประมาณ 10% เพื่อจ่ายภาษีหลังจากได้รับตัวเลือกหุ้นมูลค่าหลายพันล้าน ซึ่งหลังจากการทำธุรกรรมและมอบหุ้นบางส่วนเพื่อการกุศล โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่า Elon Musk ยังมีเงินสดเหลืออยู่อีก 2,000-3,000 ล้านดอลลาร์จากการทำธุรกรรม
ทั้งนี้ หลายปีก่อนหน้านี้ Elon Musk กลายเป็นที่พูดถึงและขุดคุ้ยของหลายสำนักข่าว อีกทั้งยังถูกถูกก่นด่าจากชาวอเมริกาจำนวนมากในเรื่องการเลี่ยงภาษี เนื่องจากตามมาตรการทางภาษีที่เขาดำเนินการผ่านทางนิติกรในชื่อของบริษัท ทำให้เขาจ่ายภาษีในชื่อของตนเองเพียงปีละไม่กี่ร้อยดอลลาร์ ส่งผลให้เขาสามารถเลี่ยงภาษีผ่านช่องโหว่ของกฎหมายที่จะต้องจ่ายเป็นเงินจำนวนมหาศาลได้