BROOK ลงสนาม NFT Art ส่งคอลเลกชันแรกร่วมกับ BINANCE NFT ทุบสถิติขายหมด 999 ชิ้น ก่อนปิดไตรมาสแรก ขายดีจนขึ้นแท่นอันดับ 1 Top Creator 4 วันติด พร้อมประกาศ SOLD OUT กวาดรายได้เข้าบริษัทกว่า 10 ล้านบาท เร่งปั้นผลงานใหม่ The Bear & The Bull ลุยขายเฟสถัดไป ตอกย้ำความสำเร็จ NFT ของบรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป บน Binance NFT Platform
นายวริศ บูลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายสินทรัพย์ดิจิทัล บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BROOK ประกอบธุรกิจที่ปรึกษาธุรกิจชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า หนึ่งในแผนงานของปี 2565 ฝ่ายสินทรัพย์ดิจิทัลคือ การเร่งเดินหน้าสร้างผลงาน Non-Fungible Token หรือ NFT เพื่อเชื่อมต่อโลกการเงินดั้งเดิมและจักรวาลดิจิทัลเข้าด้วยกัน โดยคอลเลกชันแรกของ BROOK จะมีผลงาน NFT Art ทั้งหมด 9,999 NFTs ประกอบไปด้วย The Flame, The Bull, และ The Bear ซึ่ง The Flame เป็นผลงานพิเศษที่มีจำนวนจำกัดเพียง 999 ชิ้น และผลงานทุกชิ้นในคอลเลกชันแรกสามารถใช้เป็นบัตรผ่านเข้าสู่คอลเลกชันอื่นๆ ในโลก Metaverse โดยบริษัทได้เลือก BINANCE NFT Platform เป็นตลาดซื้อขาย เนื่องจากได้รับความนิยมทั่วโลกและมีสภาพคล่องสูง มีทั้งผลงานศิลปะ มีมยอดนิยม การ์ดเกมแบบแรร์ไอเทม และของสะสมดิจิทัลหลายรูปแบบ
สำหรับ Brooklingz NFT คอลเลกชันแรก บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป ได้เริ่มส่งผลงานเพื่อวางจำหน่ายตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2565 จำหน่าย 200 ชิ้นงาน ผลปรากฏได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาดและมีผู้ซื้อผลงานทั้งหมดครบภายใน 24 ชั่วโมงนับตั้งแต่วางจำหน่าย ส่งผลให้เกิดการผลักดันผลงาน NFT ชุด ‘The Flame’ 999 ชิ้น ออกวางจำหน่ายเพิ่มในช่วงสิ้นเดือนมีนาคม ซึ่งหลังจากการวางจำหน่าย มีนักลงทุนสนใจซื้อผลงานเป็นจำนวนมาก ติดอันดับ 1 Top Creator บน BINANCE NFT Marketplace ถึง 4 วันติดต่อกัน ก่อนที่จะประกาศขายหมด สร้างยอดขายกว่า 900 BNB ทะลุเป้าตามที่ตั้งไว้ โดยมีมูลค่าการซื้อขายมากกว่า 10 ล้านบาท ทั้งนี้ในผลงานชุดถัดไปทาง BROOK เตรียมจะเปิดตัวคอลเลกชัน 'Bull & Bear' NFT ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 พร้อมเร่งลงทุนเพิ่มเติมใน Digital Asset Industry พัฒนาสู่ยูนิคอร์นแห่งยุค Web 3.0 ต่อยอดโปรเจกต์ใหม่ๆ สู่การเป็นที่ปรึกษาธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมีพันธมิตรหลักคือบริษัท Binance ซึ่งเป็นเจ้าตลาดอันดับหนึ่งในวงการคริปโตฯ
“NFT ได้ Disrupt อุตสาหกรรมศิลปะและเกมอย่างมหาศาลตั้งแต่ช่วงปลายปี 2021 บริษัท BROOK จึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างเต็มตัว เพราะเห็นโอกาสทางธุรกิจที่ยิ่งใหญ่มากๆ ไม่ใช่แค่ในเรื่องการทำ NFT Project แต่รวมไปถึงการเป็นที่ปรึกษาด้วย การที่ BROOK ได้เข้าไปร่วม project ใน Binance ทำให้เรามีโอกาสได้เข้าถึงคนทั่วโลกกว่าหลายร้อยล้านคน ทำให้ชาวต่างชาติรับรู้ว่าประเทศไทยเองก็มีบริษัทที่พร้อม adopt digital asset technology และเติบโตไปพร้อมๆ กับอุตสาหกรรม Crypto” วริศ กล่าว