นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือน มี.ค.65 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 117.92 ดีขึ้นเล็กน้อยจาก 113.03 ในการสำรวจครั้งก่อน ยังอยู่ในเกณฑ์ "ทรงตัว"
ปัจจัยบวก ได้แก่ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ออกมาค่อนข้างดี สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศคลี่คลายระดับหนึ่ง การไหลเข้าของเงินทุน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และสถานการณ์โควิดคลี่คลาย
ส่วนปัจจัยลบ ยังเป็นสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ นโยบายธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ย การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และสถานการณ์โควิดโอมิครอน
ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในเดือน มี.ค.65 สรุปได้ดังนี้
- ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มิ.ย.65) อยู่ในเกณฑ์ "ทรงตัว" (ช่วงค่าดัชนี 80-119) เพิ่มขึ้น 4.3% มาอยู่ที่ระดับ 117.92
- ความเชื่อมั่นนักลงทุนกลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศอยู่ในระดับ "ทรงตัว" ในขณะที่ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในระดับ "ร้อนแรง"
- หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด หมวดธนาคาร (BANK)
หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดแฟชั่น (FASHION)
- ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาสแรกของปี 2565
- ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ ความกังวลต่อสถานการณ์ขัดแย้งในรัสเซีย-ยูเครน
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ผลสำรวจ ณ เดือน มี.ค.65 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นนักลงทุนบุคคลปรับเพิ่ม 25.1% อยู่ที่ระดับ 113.24 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลด 22.2% อยู่ที่ระดับ 100.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่ม 5.9% อยู่ที่ระดับ 100.00 และความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับลด 6.7% มาอยู่ที่ระดับ 133.33 สำหรับ SET Index ในเดือน มี.ค.65 ปรับตัวอยู่ในกรอบแคบระหว่าง 1,619.10-1,698.40 จุด โดย SET index ปรับลงแรงในช่วงสัปดาห์แรกตามตลาดโลกหลังสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ส่อแววยืดเยื้อ อย่างไรก็ตาม ตลาดทุนไทยปรับตัวขี้นได้เร็วจากเงินทุนไหลเข้าที่ส่งผลให้ต่างชาติมียอดซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม โดยต่างชาติมียอดซื้อสุทธิในเดือน มี.ค.รวม 32,770.51 ล้านบาท และตั้งแต่ต้นปี 65 ต่างชาติซื้อสุทธิรวม กว่า 108,340.35 ล้านบาท
นอกจากนี้ ตลาดทุนได้รับข่าวดีจากการที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) มีมติให้ยกเลิกการทดสอบ RT-PCR ก่อนเดินทางเข้าประเทศสำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบโดสเริ่ม 1 เม.ย.นี้ ซึ่งเป็นสัญญาณบวกต่อภาคท่องเที่ยวของไทย ส่งผลให้ SET Index ณ สิ้นเดือน มี.ค.65 ปิดที่ 1,695.24 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลกระทบจากสถานการณ์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และมาตรการที่นานาประเทศคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะน้ำมันดิบ แผนการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งการประกาศขึ้นดอกเบี้ยรอบแรก 0.25% เป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาด อย่างไรก็ดี ยังเป็นปัจจัยที่น่าติดตามหากอัตราเงินเฟ้อยังสูงกว่าคาดการณ์ซึ่งจะมีผลต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยรอบหน้า และมาตรการผ่อนคลายต่อการรับมือวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ในหลายประเทศ ซึ่งจะเอื้อให้ธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลกฟื้นตัวเร็วขึ้น
ในส่วนของปัจจัยในประเทศ ได้แก่ การประกาศผลกระกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาสแรกของปี 65 และสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 หลังเทศกาลสงกรานต์