ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง เผยแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 1/65 รับงานใหม่ภาคเอกชนมูลค่า 75 ล้านบาท Backlog 470 ล้านบาท พร้อมลุ้นรับงานเพิ่มกว่า 200 ล้านบาท มองภาพรวมอุตสาหกรรมปรับตัวดี วางเป้าหมายเติบโต 20% หรือ 1,200 ล้านบาท ขณะที่งบปี 64 รายได้รวม 1,010.91 ล้านบาท กำไรสุทธิ 44.02 ล้านบาท บอร์ดไฟเขียวปันผลหุ้น เงินสด 0.00556 บาทต่อหุ้น
นายทักษิณ ตันติไพจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (FTE) เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานไตรมาส 1/65 แนวโน้มเติบโตดี โดยบริษัทสามารถรับงานโครงการใหม่ภาคเอกชนกว่า 18 งาน มูลค่ารวมประมาณ 75 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 470 ล้านบาท สามารถทยอยรับรู้รายได้ภายในปีนี้
ขณะเดียวกัน บริษัทมีโครงการที่คาดว่าจะส่งมอบงานและสามารถรับรู้รายได้ มูลค่ารวมกว่า 150 ล้านบาท อีกทั้งมีงานอยู่ระหว่างยื่นประมูล 15 งาน เช่น One Bangkok, EGAT Rayong 4 มูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท โดยบริษัทมีโอกาสรับงานในสัดส่วน 50% หรือมูลค่า 100 ล้านบาท ส่วนธุรกิจใหม่การนำเข้า จัดจำหน่ายอุปกรณ์เซฟตี้ และอุปกรณ์นิรภัยส่วนบุคคลทุกชนิดในโรงงานกระแสตอบรับดี มีคำสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่อง
“ภาพรวมอุตสาหกรรมปี 2565 คาดว่าจะสามารถปรับตัวดีขึ้นจากการฉีดวัคซีนที่มีความคืบหน้าทำให้สถานการณ์คลี่คลาย รวมถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีสัญญาณที่ดี เช่น นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ การทยอยลงทุนต่างๆ ของภาคเอกชน แม้ว่าจะยังมีความกังวลเรื่องของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และความขัดแย้งของรัสเซียและยูเครน
อย่างไรก็ตาม บริษัทติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด และประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารโครงการทั้งเรื่องคุณภาพและระยะเวลาในการติดตั้ง ควบคู่กับการบริหารจัดการต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่ายให้รัดกุมมากขึ้น ซึ่งหากบริษัทสามารถส่งมอบงานได้ตามแผนเชื่อว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 20% หรือ 1,200 ล้านบาท” นายทักษิณ กล่าว
สำหรับผลประกอบการปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 1,010.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 914.16 ล้านบาท จำนวน 96.75 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10.58% และมีกำไรสุทธิ 44.02 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทสามารถดำเนินงานและรับรู้รายได้จากงานออกแบบติดตั้งอุปกรณ์ระบบดับเพลิงภาคเอกชน โดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรมที่ขยายตัวต่อเนื่องในปี 64 ซึ่งเป็นงานที่มีระยะสั้นสามารถรับรู้รายได้รวดเร็ว และมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติเสนอจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 10 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล หรือคิดเป็นมูลค่าเท่ากับอัตราการจ่ายปันผล 0.05 บาทต่อหุ้น อีกทั้งมีมติอนุมัติจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.00556 บาท หรือคิดเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 3.336 ล้านบาท รวมเป็นการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดําเนินงานประจำปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.05556 บาท รวมเป็นเงิน 33.336 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนการจ่ายเงินปันผลประมาณ 93.81% ของกําไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักการจัดสรรกําไรสุทธิเป็นทุนสํารองตามกฎหมาย
โดยบริษัทกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 24 มี.ค.2565 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับปันผลในรูปแบบของหุ้นปันผลและเงินสด (Record Date) ในวันที่ 25 มี.ค.2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 10 พ.ค.2565 ซึ่งมติดังกล่าวเตรียมนำเสนอเพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 วันที่ 20 เม.ย.2565 เพื่อพิจารณาต่อไป