ตลาดหุ้นเอเชียเปิดในแดนบวกตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นเกือบ 600 จุดในวันอังคาร (15 มี.ค.) โดยได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ หลังราคาน้ำมันร่วงลงสู่ระดับต่ำกว่า 100 ดอลลาร์/บาร์เรล อย่างไรก็ดี ตลาดภูมิภาคยังคงจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศจีน และผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 25,574.90 จุด เพิ่มขึ้น 228.42 จุด หรือ +0.9%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 18,956.02 จุด บวก 540.94 จุด หรือ +2.94% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,107.67 จุด เพิ่มขึ้น 43.71 จุด หรือ +1.43%
นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิตเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือน ก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.9% หลังจากที่พุ่งขึ้น 1.2% ในเดือน ม.ค.
นอกจากนี้ การร่วงลงของราคาน้ำมันยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยให้ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ โดยราคาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ต่างก็ร่วงลงสู่ระดับต่ำกว่า 100 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้
อย่างไรก็ดี ตลาดในภูมิภาคยังคงจับตาการระบาดของโควิด-19 ในจีน โดยมีรายงานจากทางการจีนว่า เที่ยวบินทั้งหมด 106 เที่ยวใน 22 เส้นทาง จะเปลี่ยนเส้นทางจากเซี่ยงไฮ้ไปยังเมืองอื่นๆ ระหว่างวันที่ 21 มี.ค. ถึง 1 พ.ค. เพื่อลดภาระของโรงแรมและสถานที่กักตัวต่างๆ ในเซี่ยงไฮ้ ขณะที่จีนกำลังเผชิญกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้น
ภายใต้แผนของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศจีน (CAAC) เที่ยวบินระหว่างประเทศที่ไปเซี่ยงไฮ้จะเปลี่ยนเส้นทางไปยังเมืองอื่นอีก 12 เมืองทั่วประเทศ รวมถึงเฉิงตู ต้าเหลียน หางโจว และฝูโจว
ทั้งนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เซี่ยงไฮ้มีผู้ป่วยโควิดรายใหม่เพียง 2 รายเมื่อต้นเดือน มี.ค. แต่กลับเพิ่มขึ้นถึง 139 รายเมื่อวานนี้ (14 มี.ค.) ส่งผลให้เซี่ยงไฮ้กลับมาใช้มาตรการสกัดโควิด รวมถึงการสั่งปิดโรงเรียนและสวนสาธารณะเกือบทุกแห่ง ตลอดจนห้ามรถประจำทางที่มาจากมณฑลอื่นเดินทางเข้าสู่เซี่ยงไฮ้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันนี้ตามเวลาสหรัฐฯ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาคที่เปิดเผยวันนี้ ได้แก่ อัตราว่างงานเดือน ก.พ. ของเกาหลีใต้ ดัชนีราคาบ้านเดือน ก.พ. ของจีน รวมถึงยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือน ก.พ. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ม.ค. ของญี่ปุ่น