“ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ” บิ๊กบอส บมจ.ไซมิส แอสเสท (SA) ชู 4 กลยุทธ์เด็ดลุยปีเสือ ‘’Asset Play” นำสินทรัพย์ที่มีมาต่อยอดธุรกิจต่างๆ แตกแขนงออกเป็น 6 ธุรกิจใหม่ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้มากขึ้น หนุนสร้าง New S-Curve ดันผลงานเติบโตแข็งแกร่ง ลั่นปี 65 รายได้แตะ 4,500-4,900 ล้านบาท ลุยเปิด 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 11,621 ล้านบาท
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด ‘Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต’ เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตอยู่ที่ 4,500-4,900 ล้านบาทจากปีก่อน โดยมีรายได้หลักจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันมีโครงการที่กำลังดำเนินงานอยู่ (Under Development) จำนวน 4 โครงการ มูลค่า 23,976.3 ล้านบาท
ซึ่งในปีนี้จะมีโครงการที่แล้วเสร็จคือ Landmark @ MRTA Station ขณะที่มีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ จำนวน 8 โครงการ มูลค่า 18,938.9 ล้านบาท โดยเป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายมูลค่า 15,432 ล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าคงเหลือเป็น Inventory ที่พร้อมขายเพื่อรับรู้รายได้อีก 5,059.6 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ มีแผนจะเปิดโครงการใหม่ในปี 2565 จำนวน 6 โครงการได้แก่ Landmark @ Kasetsart TSH Station, Monsane Exclusive Villa Ratchapruek-Pinklao, Siamese Kin Ramintra Phase 2, Siamese Home @ Phaholyothin-Rangsit, Siamese Talingchan และ Siamese Luxury Home @ Ratchapruek-345 มูลค่ารวม 11,621.9 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทฯ มี Backlog มูลค่ารวม 4,324.20 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ภายในปี 2565-2569 ขณะเดียวกัน ปีนี้บริษัทได้ขยายโครงการแนวราบ จำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 7,500 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ภายในปี 2565-2570 นี้
โดยในปีนี้ SA ได้กำหนด 4 กลยุทธ์ในการดำเนินงานเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย
1.การจัดหาเงินลงทุนให้สอดคล้องกับการวางแผนการพัฒนาโครงการ เช่น Green Finance หรือ Green Bond ซึ่งเป็นการลงทุนรูปแบบใหม่ สามารถลดต้นทุนทางด้านการเงินของบริษัทได้
2.ปรับสัดส่วนการพัฒนาโครงการ โดยเพิ่มรายได้ของโครงการแนวราบมากยิ่งขึ้น
3.มุ่งพัฒนาโครงการในทำเลที่มีศักยภาพ เช่น ถนนสุขุมวิท โดยมีการเก็บอสังหาริมทรัพย์นี้ไว้ และทำการบริหารจัดการ ทำให้เปลี่ยนการรับรู้รายได้จากการขายเป็นการรับรู้รายได้อย่างสม่ำเสมอ (Recurring Income)
และ 4.การพัฒนาธุรกิจใหม่ เพื่อขยายธุรกิจ สู่ธุรกิจ New S-Curve ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตในอนาคต
“บริษัทฯ มุ่งมั่นสร้างการเติบโตแข็งแกร่ง โดยมีการวางแผนพัฒนาโครงการเพิ่มเติมอยู่ตลอดเพื่อสร้างการรับรู้รายได้ของโครงการใหม่ๆ พร้อมกันนี้ในปี 2565 ได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนพัฒนาโครงการแนวราบให้อยู่ที่ 50% ของรายได้รวมภายในปี 2567 และคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นประมาณปีละ 3,000-4,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมองหาโอกาสสร้าง S-Curve จากธุรกิจใหม่ๆ เช่น ธุรกิจด้านพลังงานสีเขียว ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการบริการ ธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีของการพักอาศัย ธุรกิจเกี่ยวกับการบริการผู้สูงอายุ ธุรกิจเกี่ยวกับ Spa & Wellness และธุรกิจการเงินและการลงทุนอีกด้วย ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของ SA ให้สามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่น มั่นคงและยั่งยืนต่อไป