ตลาดหุ้นปีนี้ดูเหมือนจะไปได้ดี ดัชนีไต่ระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทะลุผ่าน 1,700 จุด แต่สงครามในประเทศยูเครนเข้ามาขัดจังหวะ ทำให้ตลาดหุ้นเกิดความพลิกผัน จนดัชนีปักหัวลง และมีโอกาสสร้างจุดต่ำสุดใหม่ในรอบปี
ดัชนีหุ้นสิ้นปี 2564 ปิดที่ระดับ 1,657.62 จุด ก่อนขึ้นไปสูงสุดที่ประมาณ 1,713 จุด ลงต่ำสุดที่ระดับ 1,634 จุด ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ปิดที่ 1,671.72 จุด นับจากสิ้นปี 2564 ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 14.10 จุด เท่านั้น เพราะผลกระทบจากสงครามยูเครน
แม้ว่าช่วงแรกตลาดหุ้นจะไม่ผันผวนรุนแรงมากนัก และมีลักษณะประคับประคองตัว แต่เมื่อสถานการณ์สงครามตึงเครียดมากขึ้น หุ้นทนแรงกระแทกไม่ไหว ทรุดตัวลงหนัก
นักลงทุนต่างประเทศเป็นตัวช่วยสำคัญของตลาดหุ้นไทย เพราะตั้งแต่ต้นปีซื้อตลอด และไม่หวั่นไหวปัจจัยลบใด แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเทขายหุ้นออก 3,665.12 ล้านบาท โดยหุ้นขนาดใหญ่ทุกกลุ่มตกเป็นเป้าหมายในการขาย
การสู้รบในดินแดนที่ห่างไกลส่งผลกระทบถึงประเทศไทยจนได้ โดยราคาน้ำมันโลกที่พุ่งทะยานส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งตลาดหุ้นเริ่มออกอาการปรับฐานแรง ดัชนีหุ้นถอยลง จนอาจลงมาต่ำกว่าจุดปิดเมื่อสิ้นปี 2546 และอาจสร้างจุดต่ำสุดใหม่ในรอบปีนี้ถ้าสงครามยูเครนลุกลามบานปลาย และต่างชาติถล่มขายหุ้นซ้ำ
หุ้นขนาดใหญ่กลุ่มที่แข็งแกร่งมาตั้งแต่ต้นปี กำลังดิ่งลง ไม่เฉพาะหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่แต่ละบริษัทมีปัจจัยลบกระทบเฉพาะตัวเท่านั้น หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าก็เริ่มถูกถล่ม
หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่สร้างจุดสูงสุดใหม่กันเป็นแถว ไม่ว่าจะเป็นหุ้นบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ซึ่งสร้างราคาสูงสุดใหม่ที่ 105.50 บาท
หุ้นบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ซึ่งสร้างราคาสูงสุดใหม่ที่ 52.75 บาท และหุ้นบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ที่สร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ 89.75 บาท
แต่หุ้นกล่มโรงไฟฟ้าส่งสัญญาณที่ไม่ดีแล้ว เพราะช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ถูกเทขายจนราคาอ่อนยวบลงมา โดยต่างชาติอาจเริ่มระบายหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าออก
ต่างชาติที่เทขายหุ้นออกมาเกือบ 4 พันล้านบาท ไม่รู้ว่าเกิดจากความกังวลผลกระทบจากสงครามในยูเครนหรือไม่ เพราะการรบมีแนวโน้มยืดเยื้อ และบานปลายมากขึ้น ซึ่งหากต่างชาติปรับกลยุทธ์ จากทยอยซื้อเก็บมาเรื่อยๆ กลับมาเป็นการเทขาย จะซ้ำเติมให้ตลาดหุ้นเกิดการปรับฐานรอบใหญ่
และหุ้นขนาดใหญ่จะมีความเสี่ยงที่ถูกถล่ม จนราคาทรุดหนัก
อย่างไรก็ตาม ต่างชาติเคยเทขายเป็นช่วงๆ สลับกับการลุยเคาะซื้อ นานๆ จะขายที และขายเพียงวันเดียวก็กลับมาช้อนซื้อใหม่ ซึ่งหากขายเมื่อวันศุกร์เป็นการปรับพอร์ตในระยะสั้นคงไม่มีอะไรน่ากังวล
แต่ถ้าขายหนักและขายอย่างต่อเนื่อง การปรับฐานของตลาดหุ้นรอบนี้ดัชนีหุ้นอาจลงลึกกว่าที่ประเมินกันไว้
นอกจากเฝ้าจับตาสถานการณ์ยูเครนแล้ว ต้องเกาะติดความเคลื่อนไหวนักลงทุนต่างชาติอย่างใกล้ชิดอีกด้วย เพื่อประเมินว่า
ฝรั่งกำลังถอยทัพกลับบ้านหรือไม่ เพราะถ้าฝรั่งถอย แนวโน้มตลาดหุ้นจะเปลี่ยนทันที เปลี่ยนจากขาขึ้นเป็นรอบขาลงเต็มตัว