"วี.แอล.เอ็นเตอร์ไพรส์" อัดงบลงทุน 200 ล้านบาท ต่อเรือใหม่ขนาด 10,000 เดตเวตตัน (DWT) รองรับการขนส่งน้ำมันปาล์ม-น้ำมันบริโภค (น้ำมันมะพร้าว-น้ำมันถั่วเหลือง) คึกคัก พร้อมระบุแผนขยายกองเรือใหม่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศแตะ 50% จากปีก่อนที่ 39% หนุนอัตราการเติบโตของรายได้ในปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น 25% ตามเป้าที่วางไว้
นางชุติภา กลิ่นสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี.แอล.เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ VL ผู้ให้บริการด้านการขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์เคมีทางทะเล ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าขยายกองเรือเพิ่ม จำนวน 1 ลำ น้ำหนักบรรทุกไม่ต่ำกว่า 10,000 เดตเวตตัน (DWT) ภายใต้งบลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท โดยเรือดังกล่าวบริษัทฯ คาดว่าจะนำเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อเพิ่มความสามารถในการให้บริการ ซึ่งสอดรับกับนโยบายบริษัทฯ ในการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยกองเรือใหม่ที่เข้ามาจะให้บริการในเชิงพาณิชย์ได้ทันที ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีความสามารถในการรับรู้รายได้จากการให้บริการเรือดังกล่าวโดยเฉลี่ยในปี 2565 ประมาณ 90 ล้านบาท ส่งผลให้สัดส่วนรายได้ในต่างประเทศในปีนี้เพิ่มขึ้นจาก 39% เป็น 50% และในปี 2566 จะมีรายได้เข้ามาเต็มปี เฉลี่ยประมาณ 180 ล้านบาทต่อปี
ทั้งนี้ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าภาพรวมอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ น้ำมันปาล์มในปี 2565 ที่ยังมีการเติบโตอย่างแต่เนื่อง แม้ว่าราคาน้ำมันปาล์ม ส่งผลให้ประเทศอินโดนีเซีย จำกัดการส่งออกน้ำมันปาล์ม ส่งผลให้การส่งออกน้ำมันปาล์มลดลง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวเป็นแค่ระยะสั้นเท่านั้น และจากกรณีดังกล่าว บริษัทฯ ยังได้ปรับกลยุทธ์การขนส่งทางทะเลใหม่ โดยเน้นการขนส่งน้ำมันปาล์มจากประเทศไทยและประเทศมาเลเซียแทน พร้อมเพิ่มการขนส่งน้ำมันบริโภคอื่นๆ เช่น น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันถั่วเหลือง
นอกจากนี้ VL ยังคงเดินหน้ารักษาฐานคู่ค้ารายเดิม และหาคู่ค้าใหม่ๆ ในประเทศ ควบคู่กับการขยายเส้นทางการขนส่งระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มความหลากหลายสำหรับการขนส่งน้ำมัน รวมทั้งการสร้างตลาดใหม่ๆ ด้านการขนส่งน้ำมันปิโตรเลียมระหว่างประเทศ ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้
“ส่วนกรณีสงครามรัสเซีย และยูเครนที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร VL กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าวในขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจบริษัทฯ ดังนั้นบริษัทฯ จึงยังคงเดินหน้าในการขยายกองเรือใหม่ตามแผนเดิมที่วางไว้ โดยหากเรือลำใหม่เข้ามาจะส่งผลให้ VL มีสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศเพิ่มขึ้นในปีนี้เป็น 50% จากปี 2564 ที่มีสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศที่ 39% เนื่องจากเรือลำใหม่จะเน้นการขนส่งในต่างประเทศ เพื่อเป็นการสร้างตลาดใหม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม ประเทศจีน และประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจะส่งให้อัตราการเติบโตของรายได้ในปี 2565 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 25% จากกองเรือทั้งหมด 12 ลำ ขนาดบรรทุกรวม 50,800 DWT”