"เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์" ทำนิวไฮติดต่อกัน 4 ไตรมาส หนุนผลงานปี 64 ทำรายได้รวมกว่า 5,293.3 ล้านบาท เติบโต 35% สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 5,000 ล้านบาท หลังธุรกิจส่วนใหญ่เติบโตดี ปี 65 วางเป้าหมายรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท เดินหน้าทยอยเปิดบริการคลังสินค้าห้องเย็นและคลังสินค้า Fulfillment เตรียมงบลงทุนพร้อมขยายธุรกิจต่อเนื่อง
ดร.เอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และซัปพลายเชนระดับอาเซียน เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2564 ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง 4 ไตรมาสติดต่อกัน โดยมีรายได้รวม 1,476.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.3% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิ 176.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132.6% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 1,388.1 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 139.1 ล้านบาท ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจของบริษัทภายใต้โมเดล Total Logistic Solutions ที่มีบริการหลากหลายอย่างครบวงจรแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น
ธุรกิจที่เติบโตโดดเด่นในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ได้แก่ (1) ธุรกิจขนส่งสินค้า มีรายได้ 265.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (2) ธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็น มีรายได้ 225.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (3) ธุรกิจรับฝากและบริหารสินค้าอันตราย มีรายได้ 146.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.0% (4) ธุรกิจห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า (Self-Storage) และบริการจัดเก็บงานศิลปะครบวงจร (Art Space) มีรายได้ 31.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 161.2% และ (5) ธุรกิจให้บริการอาหารที่เข้าลงทุนใน CSLF ที่ไต้หวัน มีรายได้ 369.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.7% นอกจากนี้ บริษัทฯ เริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัท อีสเทิร์นซี แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด (ESCO) 13.1 ล้านบาท หลังจากเข้าถือหุ้นเฟสแรก 15% นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ส่วนธุรกิจที่ลงทุนในต่างประเทศมีผลการดำเนินงานเติบโตแข็งแกร่ง ทั้ง Transimex ในประเทศเวียดนามที่รับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 113.1 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 29.5 ล้านบาท ส่วน Phnom Penh SEZ. Plc. (PPSEZ) และ Bok Seng PPSEZ Dry Port Co.,Ltd. ในกัมพูชา รับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 20.0 ล้านบาท และ 7.2 ล้านบาทตามลำดับ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2.4 ล้านบาท และ 0.9 ล้านบาทตามลำดับ เนื่องจากยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมและรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากสถานีบรรจุและแยกสินค้า (ICD)
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2564 ทำรายได้รวม 5,293.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 5,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 571.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธุรกิจที่เติบโตโดดเด่น เช่น ธุรกิจขนส่งสินค้า มีรายได้ 835.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ธุรกิจรับฝากและบริหารสินค้าอันตราย มีรายได้ 585.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ มีรายได้ 463.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD กล่าวว่า ปี 2564 ถือเป็นปีที่บริษัทฯ เติบโตได้ดี สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี (ปี 2564-2568) ที่จะผลักดันรายได้รวมแตะ 10,000 ล้านบาท แม้ภาพรวมเศรษฐกิจปีที่ผ่านมายังไม่ได้ฟื้นตัวอย่างชัดเจน เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 โดยในปี 2565 ได้วางแผนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมายรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท และคาดว่าหลายธุรกิจของ JWD จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน เช่น ธุรกิจขนส่งสินค้า ที่มีแผนขยายฐานลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ขยายงานขนส่งสินค้าข้ามแดนใน สปป.ลาว และการขนส่งสินค้าต่อเนื่องหลากหลายรูปแบบ (Multi Modal Transportation)
ธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ ที่มีแผนขยายฐานลูกค้า ธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็นและคลังสินค้า Fulfillment ที่จะมีพื้นที่จัดเก็บสินค้าเพิ่มขึ้น ในปี 2565 จะมีพื้นที่คลังสินค้าห้องเย็นแห่งใหม่ 4 โครงการ ที่ทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการทุกไตรมาส คิดเป็นพื้นที่ให้บริการจัดเก็บสินค้ารวมกันประมาณ 44,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ Alpha Industrial Solutions ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง JWD และกลุ่ม Origin Property ยังมีโครงการพัฒนาพื้นที่คลังสินค้าอย่างต่อเนื่องตลอดปี รวมพื้นที่ให้บริการประมาณ 200,000 ตารางเมตร
“ปัจจุบันเรามีเงินทุนพร้อมรองรับแผนงานขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ทั้งในรูปแบบของการลงทุนเองและร่วมมือกับพาร์ตเนอร์เพื่อขยายธุรกิจปัจจุบันและการ M&A หลังจากเมื่อปลายปีที่ผ่านมา JWD ได้ออกหุ้นกู้วงเงินประมาณ 1,200 ล้านบาท นอกจากนี้เรามีความสนใจที่ระดมทุนในรูปแบบดิจิทัล แอสเสทอีกด้วย” นายชวนินทร์ กล่าว