xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยฟื้นพลิกกลับมาปิด +17.18 จุด จากความกังวลสถานสถานการณ์ยูเครนที่ลดลง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดวันศุกร์สุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ ปรับตัว +17.18 จุด โบรกฯ ชี้หุ้นไทยรีบาวนด์กลับพุ่งแรงหลังจากนักลงทุนคลายกังวลสงครามรัสเซียกับยูเครนไม่ขยายเป็นวงกว้าง แม้นาโต้ และชาติตะวันตกไม่ตอบโต้ทางทหาร แต่ใช้มาตรการคว่ำบาตทางเศรษฐกิจซึ่งยังวางใจไม่ได้ แนะจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟด วันที่ 2-3 มี.ค. และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า พร้อมประเมินแนวรับที่ 1,670 จุด แนวรับถัดไป 1,660 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,695 และ 1,700 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 25 ก.พ.2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น +17.18 จุด หรือ +1.03% โดยปิดตลาดที่ 1,679.90 จุด มูลค่าการซื้อขาย 87,772.73 ล้านบาท โดยภาพรวมการลงทุนวันนี้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นสอดคล้องตลาดภูมิภาค โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,684.50 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,670.13 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 1,304 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 508 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 599 หลักทรัพย์

ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า 2,477.30 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -1,460.18 ล้านบาท ส่วนบัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -239.75 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -777.37 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 5,412.17 ล้านบาท ปิดที่ 163.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
2.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 3,206.71 ล้านบาท ปิดที่ 67.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
3.OSP มูลค่าการซื้อขาย 2,212.55 ล้านบาท ปิดที่ 35.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท
4.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,815.71 ล้านบาท ปิดที่ 132.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
5.BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,786.87 ล้านบาท ปิดที่ 140.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.RCL ปิดที่ 47.75 บาท เพิ่มขึ้น +3.75 บาท หรือ +8.52%
2.CBG ปิดที่ 107.00 บาท เพิ่มขึ้น +7.75 บาท หรือ +7.81%
3.TTA ปิดที่ 10.10 บาท เพิ่มขึ้น +0.65 บาท หรือ +6.88%
4.OSP ปิดที่ 35.75 บาท เพิ่มขึ้น +2.25 บาท หรือ +6.72%
5.BGRIM ปิดที่ 34.25 บาท เพิ่มขึ้น +1.75 บาท หรือ +5.38%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.GLOBAL ปิดที่ 19.90 บาท ลดลง -1.20 บาท หรือ -5.69%
2.CENTEL ปิดที่ 34.50 บาท ลดลง -0.50 บาท หรือ -1.43%
3.SCGP ปิดที่ 61.25 บาท ลดลง -0.75 บาท หรือ -1.21%
4.IVL ปิดที่ 46.50 บาท ลดลง -0.50 บาท หรือ -1.06%
5.CPN ปิดที่ 54.25 บาท ลดลง -0.50 บาท หรือ -0.91%

ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,297.20 จุด เพิ่มขึ้น 19.35 จุด หรือ 0.85% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 1,012.52 จุด เพิ่มขึ้น 7.66 จุด หรือ 0.76% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 634.72 จุด เพิ่มขึ้น 16.49 จุด หรือ 2.67%

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้รีบาวนด์ได้หลังคลายกังวลสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนไม่ได้ขยายเป็นวงกว้าง หลังชาติตะวันตก และองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ไม่ใช้กำลังทหารตอบโต้ มีแต่มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม มองว่าตลาดยังมีความไม่แน่นอนสูงอยู่ นักลงทุนยังต้องติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน และในสัปดาห์หน้ายังมีปัจจัยอื่นรออยู่ โดยมีตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะแถลงนโยบายการเงินรายครึ่งปีต่อคณะกรรมการด้านบริการการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และวุฒิสภา ในวันที่ 2-3 มี.ค. ขณะที่คืนนี้มีตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน ม.ค. ของสหรัฐฯ ส่วนแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า มองว่ายังมีความผันผวนตามสถานการณ์ความตึงเครียดรัสเซียและยูเครน หากมีพัฒนาการเชิงบวกตลาดจะปรับขึ้น มองว่าตลาดจะแกว่งตัวไซด์เวย์กรอบกว้าง โดยประเมินแนวรับที่ 1,670 จุด ส่วนแนวรับถัดไปที่ 1,660 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,695 จุด และ 1,700 จุด แต่คาดไม่น่าผ่านแนวต้านหลักที่ 1,700 จุดไปได้



กำลังโหลดความคิดเห็น