นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า “คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติ ผู้ถือวีซ่าประเภท ผู้พำนักระยะยาว (LTR Visa) โดยให้การยกเว้นภาษีสำหรับกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย และลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ เหลือเพียงร้อยละ 17
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงการคลังให้ความสำคัญถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจและการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้ามาสู่ประเทศไทย จึงได้เสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ...) พ.ศ. … เป็นการให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ชาวต่างชาติผู้ถือวีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาว โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.กำหนดให้ชาวต่างชาติผู้ถือวีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาว กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศและกลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทยได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้พึงประเมินเนื่องจากหน้าที่การงานหรือกิจการที่ทำในต่างประเทศหรือเนื่องจากทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศซึ่งได้นำเข้ามาในประเทศไทยในปีภาษีเดียวกันกับที่ได้รับเงินได้พึงประเมินดังกล่าว
2.กำหนดให้ชาวต่างชาติผู้ถือวีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาว กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษซึ่งทำงานในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบอุตสาหกรรมเป้าหมายตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน กฎหมายว่าด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศหรือกฎหมายว่าด้วยเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และได้รับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร มีสิทธิเลือกเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราร้อยละ 17 ของเงินได้พึงประเมิน”
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวสรุปว่า “มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย ทำให้ชาวต่างชาติผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจหรือมีความรู้ความเชี่ยวชาญเข้ามาพักอาศัยหรือทำงานในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็นการเพิ่มจำนวนฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาส่งเสริมให้เกิดการบริโภคและการลงทุนในประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน อันเป็นผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะต่อไป”
สำนักนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร.0-2273-9020 ต่อ 3613/3610