"วนชัย กรุ๊ป" งบปี 64 พลิกมีกำไรในรอบ 4 ปี แตะ 1,293.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 319% เทียบปีที่ผ่านมาขาดทุนสุทธิ 590.5 ล้านบาท รับอานิสงส์ตลาดโลกฟื้นตัวหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย ทั่วโลกคลายล็อกดาวน์ ดีมานด์สินค้าเพิ่มขึ้น หลังสร้างโมเดลธุรกิจครบวงจร เพิ่มสินค้าใหม่ใน product mix แผ่น OSB และแผ่นไม้ Plywood ส่งผลให้ผลิตเต็มกำลังการผลิต-ช่วยลดต้นทุน มั่นใจรายได้และกำไร ปี 65 โตก้าวกระโดด
นายวรรธนะ เจริญนวรัตน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วนชัย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (VNG) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 4/64 มีรายได้จากการขายรวม 3,829.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,545.5 ล้านบาท หรือ 68% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2,283.5 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 330.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 511.5 ล้านบาท หรือ 282% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 181.2 ล้านบาท
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2564 มีกำไรสุทธิ 1,293.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,884.3 ล้านบาท หรือ 319% เทียบปีที่ผ่านมาขาดทุนสุทธิ 590.5 ล้านบาท ถือเป็นการ “เทิร์นอะราวนด์” ในรอบ 4 ปีอย่างชัดเจน จากที่ก่อนหน้าขาดทุนต่อเนื่อง (2561-2563) เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19
“ผลการดำเนินงานในปี 2564 เทิร์นอะราวนด์อย่างชัดเจน หลังจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ทีมผู้บริหารได้มีการปรับกลยุทธ์ธุรกิจ โดยพยายามแก้ไขปัญหาต้นทุนวัตถุดิบได้สมบูรณ์ด้วยการสร้างโมเดลธุรกิจครบวงจร บริหารจัดการวัตถุดิบตั้งแต่กิ่งถึงโคนไม้ยางพารา เพิ่มสินค้าใหม่ใน product mix คือ แผ่น OSB และแผ่นไม้ Plywood ทำให้มีการผลิตเต็มกำลังการผลิต ซึ่งทำให้ต้นทุนลดลง ซึ่งภายหลังจากตลาดโลกฟื้น หลังได้รับวัคซีนโควิด อัตราการเสียชีวิตลดลง ทั่วโลกคลายล็อกดาวน์ ทำให้อุปสงค์ของโลกเพิ่มขึ้น สนับสนุนให้รายได้และกำไรของบริษัทฯ กลับมาฟื้นตัวแรง”
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2565 มั่นใจว่าจะเข้าสู่โหมดของการเติบโตต่อเนื่อง จาก New Growth Drivers ที่จะช่วยผลักดันรายได้และกำไรเติบโต 20% ประกอบด้วย โรงงานผลิตแผ่น OSB ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิต 210,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี โดยจับกลุ่มลูกค้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
ขณะที่โรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาดกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเดินเครื่องการผลิตแล้ว โดยใช้เปลือกไม้ และฝุ่นไม้ที่เหลือใช้จากการผลิต ช่วยประหยัดต้นทุนค่าไฟฟ้า โดยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าได้ปีละ 120 ล้านบาท นอกจากนี้ โรงงานไม้อัด (Plywood) ขนาดกำลังการผลิต 60,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี พร้อมเดินเครื่องผลิตในไตรมาส 2 ปี 2565 ซึ่งเน้นทำการตลาดทดแทนการนำเข้าไม้อัดจากต่างประเทศ มูลค่า 8,000 ล้านบาทต่อปี
รวมไปถึงโรงงาน Super Particle board พร้อมเดินเครื่องผลิตในต้นปี 2565 เช่นเดียวกัน ซึ่งถือเป็นสินค้า wood-based panel เจเนอเรชันใหม่ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดโลกสูง และบริษัทฯ มีแผนกลับไปบุกตลาดจีนอีกครั้ง หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย
ขณะที่ "วนชัย โลจิสติกส์" ซึ่งจัดตั้งใหม่ขึ้นมา เพื่อประกอบกิจการให้บริการขนส่งสินค้า และ Warehouse ให้กับกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งจะเปิดดำเนินการได้ในไตรมาส 2 ปี 2565 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งสินค้าของบริษัทในกลุ่ม เพิ่มช่องทางในการดำเนินธุรกิจของบริษัทในกลุ่ม
ส่วน “วนชัย วู้ดสมิธ” จะเริ่มกลับมาบุกตลาด retail ทั่วประเทศอีกครั้ง หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง ช่วยผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายกำลังการผลิตโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มเป็น 12.7 เมกะวัตต์ ในปี 2565 จากปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 9.3 เมกะวัตต์ ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายการผลิตให้กับบริษัทฯ ได้ราว 50 ล้านบาทต่อปี และยังได้รับการสนับสนุนจาก BOI
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติอนุมัติเพื่อนำเสนอขอมติผู้ถือหุ้นในการจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานปี 2564 ในอัตรา 0.40 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (dividend yield) 5% ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 17 มีนาคม 2565 กำหนดจ่ายวันที่ 17 พฤษภาคม 2565