แม่ทัพใหม่ บสย. “สิทธิกร ดิเรกสุนทร” มุ่งยกระดับ ขับเคลื่อนองค์กรด้วย ฝดิจิทัล เทคโนโลยี ก้าวทะยานไปข้างหน้าเพื่อ SMEs ไทย ประกาศทิศทางนโยบายและแผนดำเนินงานปี 2565 “TCG Fast & First” รวดเร็ว รอบคอบ เป็นที่หนึ่งในใจ SMEs เพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อทุกมิติ ผ่านนวัตกรรมค้ำประกันสินเชื่อ Hybrid Guarantee
นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยทิศทางและแผนดำเนินงาน บสย. ปี 2565 ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งกรรมการและผู้จัดการทั่วไป เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2565 และครบรอบการก่อตั้ง บสย. 30 ปี ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 พร้อมยกระดับองค์กรก้าวสู่ ดิจิทัล แพลตฟอร์ม ภายใต้แนวคิด “TCG Fast & First” รวดเร็ว รอบคอบ เป็นที่หนึ่งในใจ SMEs ขับเคลื่อนองค์กรด้วย digital Technology สร้าง Financial Platform เป็นเครื่องมือการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของ บสย. เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย รับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจในปัจจุบัน ครอบคลุมถึงการขยายบทบาท บสย. สู่ Digital Credit Enhancer เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งทุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ภายใต้กลยุทธ์ 3 N ได้แก่
1.New Engine พัฒนาผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อเจาะเฉพาะกลุ่ม (Segmentation) รูปแบบผสมผสาน (Hybrid Products) ระหว่างผลิตภัณฑ์ค้ำประกันเชิงพาณิชย์ของ บสย. (Commercial Product) และผลิตภัณฑ์ค้ำประกันที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ (PGS 9) และการค้ำประกันสินเชื่อผู้ประกอบการ SMEs แบบเฉพาะกลุ่ม (Segmentation)
2.New Culture ก้าวสู่วัฒนธรรมองค์กรใหม่ บสย. “TCG Fast & First” เป็นที่หนึ่งในใจ SMEs รวดเร็วเหมือน Fintech Company และรอบคอบ เหมือนสถาบันการเงิน พร้อมการปรับกระบวนการทำงานภายในที่ขับเคลื่อนด้วย digital Technology
3.New Business Model ด้วย Digital Platform พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน Digital Gateway เชื่อมโยงธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์เชื่อมโยงระบบต่างๆ กับสถาบันการเงิน และผู้ให้บริการทุกแพลตฟอร์ม ผ่าน Digital Touchpoint ในรูปแบบ O2O ( Online to Online Lending) เช่น Electronic Know Your Customer หรือ e-KYC และ e-Statement ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าและได้มาตรฐานการบริหารจัดการ Good Governance
ในส่วนของแผนดำเนินงาน ปี 2565 บสย. ให้ความสำคัญกับ 4 แนวทางคือ
1.สร้างสรรค์นวัตกรรมค้ำประกันสินเชื่อในรูปแบบ “Hybrid Guarantee” ผสมผสาน
เชื่อมโยง ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของโลกการเงิน พร้อมสร้าง Financial Platform ขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยกลุ่มฐานราก กลุ่มอาชีพอิสระ และ กลุ่มผู้ค้า Online
2.เพิ่มสัดส่วนคุ้มครองความเสี่ยงให้สถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อในโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 9
3.จัดทำโครงการพิเศษ ในโอกาส บสย.ครบรอบ 30 ปี ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี 3 ปี และอัตราความคุ้มครอง ร้อยละ 30 สำหรับลูกค้าค้ำประกันสินเชื่อ ลดต้นทุนธุรกิจในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว
4.ขยายบทบาท 2 ด้านหลัก ได้แก่ 1.ด้านค้ำประกันสินเชื่อ SMEs มุ่งสู่ Digital Credit Enhancer เพื่อเพิ่มโอกาสเติมเต็มศักยภาพทางการเงิน และลดความเหลื่อมล้ำการเข้าถึงสินเชื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs และลดการพึ่งพาสินเชื่อนอกระบบ 2.เพิ่มบทบาทการส่งเสริมความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) ผ่านศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs หรือ บสย. F.A.Center โดยทีมผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญด้านการเงิน ซึ่งในปีนี้ บสย. จะติดตามผลการให้คำปรึกษาและลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการ SMEs ที่ขอรับคำปรึกษา นอกเหนือจากการร่วมเป็นทีมที่ปรึกษาในโครงการ ”หมอหนี้เพื่อประชาชน” ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้คำปรึกษาปัญหาหนี้ เพื่อช่วยลดปัญหาการขยายตัวของหนี้ครัวเรือน
นายสิทธิกร กล่าวถึงผลประกอบการปี 2564 บสย. สร้างสถิติค้ำประกันสูงสุดในรอบ 29 ปี วงเงิน 245,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 73 เทียบกับปี 2563 สามารถช่วยผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 226,312 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 36 ก่อให้เกิดสินเชื่อเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทย มูลค่า 261,545 ล้านบาท หรือ 1.06 เท่าของยอดการค้ำประกัน และเกิดการจ้างงานใหม่ มากกว่า 400,000 ตำแหน่ง รักษาการจ้างงานมากกว่า 2,000,000 ตำแหน่ง