xs
xsm
sm
md
lg

ททท.วางเป้าปี 65 พลิกโฉมท่องเที่ยวไทย วางเป้ารายได้รวม 1.28 ล้านล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายยุทธศักดิ์ สุภสร (คนกลาง) และคณะรองผู้ว่าฯททท.
ททท. เดินหน้า “พลิกโฉม” ท่องเที่ยว พร้อมเปิด “ปีท่องเที่ยวไทย 2565” และ “Visit Thailand Year 2022 : Amazing New Chapters” หวังดันรายได้ท่องเที่ยวรวม 1.28 ล้านล้านบาท ให้น้ำหนักกับตลาดในประเทศ พร้อมคัดสรรกลยุทธ์เจาะกลุ่มลูกค้าคุณภาพตลาดต่างประเทศมากขึ้นหวังส่งเสริมการใช้จ่ายให้สูงขึ้นระดับ 62,580 บาท

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แถลงข่าวเปิด “ปีท่องเที่ยวไทย 2565” และ “Visit Thailand Year 2022 : Amazing New Chapters” เพื่อส่งสัญญาณให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ โดยยกโมเดล “DASH” เพื่อฟื้นการท่องเที่ยวไทยและช่วยฟื้นเศรษฐกิจในภาพรวม ณ ห้องฉัตรา บอลลูม 3 โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพมหานคร

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า จากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นากรัฐมนตรี ได้วางนโยบายในการ “พลิกโฉมประเทศไทย” ด้วยแนวทางการทำงานใหม่ๆ เพื่อให้ประเทศไทยได้เข้าสู่วิถีใหม่ในทุกมิติโดยเริ่มตั้งแต่การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวโดยไม่ต้องกักตัวในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งในภาคการท่องเที่ยวนั้น ททท. ได้นำเสนอแนวทางการดำเนินการในแคมเปญ Visit Thailand Year 2022 : Amazing New Chapters หรือปีท่องเที่ยวไทย ปี 2565 โดยในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ครั้งที่ 4/2564 เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564 ได้มีมติเห็นชอบการประกาศส่งเสริมปีท่องเที่ยวไทย 2565 และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบในหลักการแล้ว โดย ททท. ได้เปิดตัวแคมเปญครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ในงาน World Travel Mart 2021 ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร

ในส่วนการดำเนินของ ททท.นั้น ได้ตั้งเป้าให้เกิด Greatest Change ด้วย Soft Power of Thailand ตามแนวทาง 5F : 4M คือ Food Film Fashion Festival Fight Music Museum Master และ Meta เพื่อเพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง นำอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้เปลี่ยนแปลงบนพื้นฐานของการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและดิจิทัล เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยใช้หลัก Inclusive Tourism เจาะกลุ่มเป้าหมายคุณภาพและนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง เต็มใจจ่ายเพื่อตอบสนองคุณค่าของประสบการณ์ แสดงออกซึ่งความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม 4-2-2 คือ 4 Personas (ประชากรโลกผู้ที่มีความมั่งคั่งสูง ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ ผู้ต้องการทำงานจากประเทศไทย และผู้ที่มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ) 2 Demographic (Millennials และ Active Senior) 2 Behavior (Medical & Wellness และ Responsible Tourism)

ชูโมเดลพลิกโฉมท่องเที่ยวไทย

ทั้งนี้ ได้วางโมเดล “DASH” เป็นแนวทางการดำเนินงานเพื่อพลิกโฉมการท่องเที่ยวไทย โดยระดมการทำงานของ ททท. มุ่งสู่การพลิกโฉมทั้งระบบ กล่าวคือ

D - Domestic Travel ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ทั้งนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

A - Accelerate Demand กระตุ้นอุปสงค์เชิงคุณภาพ สร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ดีบนพื้นฐานของความปลอดภัย มุ่งเน้นนักท่องเที่ยวคุณภาพและกลุ่มรายได้สูง และส่งมอบประสบการณ์ที่แตกต่าง มีคุณค่าอย่างประทับใจ

S - Shape Supply ยกระดับระบบนิเวศท่องเที่ยวสู่ความมีคุณภาพและความยั่งยืน บนพื้นฐานของการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและ Digital Tourism ให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ร่วมกัน มีการกระจายรายได้สู่แต่ละภาคส่วนอย่างยั่งยืน

และ H - Healing Thai Economy ฟื้นประเทศด้วยการท่องเที่ยว เยียวยาเศรษฐกิจด้วยการเปิดประเทศเพื่อให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยว “ลุกเร็ว ก้าวไว” เติบโตอย่างเข้มแข็ง เพื่อให้ Visit Thailand Year 2022 : Amazing New Chapters เป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่ความยั่งยืน ส่งมอบความสุข ความปลอดภัย บนพื้นฐานความเป็นไทยที่สร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง ด้วยความร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในการฟื้นประเทศไทยด้วยการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ

ทั้งนี้ ได้วางสัดส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศมากขึ้น และเน้นตลาดคุณภาพจากต่างประเทศ โดยตลาดระยะไกล ได้ดำเนินโครงการ Amazing Thailand Workplace Paradise คือ การดึงกลุ่ม Remote Workers มายังประเทศไทย ซึ่งกลุ่มดังกล่าวเกิดขึ้นจากการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทั้งรูปแบบการเดินทางและรูปแบบการทำงาน โดยสร้างให้ประเทศไทยเป็นที่ 1 Remote Workers Friendly Destination ของโลกในส่วนของตลาดระยะใกล้ ได้ใช้โอกาสที่ดีในการที่รัฐบาลได้เปิดการท่องเที่ยวแบบ Test & Go อีกครั้ง

โดยได้วางแนวคิด New Chapters, New Opportunity ในกลยุทธ์ 5 New ได้แก่

New Segment คือ กลุ่ม Bleisure (business & leisure), นักเรียน/นักศึกษา, Digital Nomad, Boy lovers, Soft Adventure เป็นต้น

New Area แสวงหากลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพในพื้นที่ศักยภาพใหม่ๆ เช่น มองโกเลีย เกาหลี (ปูซาน) และพื้นที่ในตลาดเดิม

New Partner สร้างพันธมิตรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวใหม่ๆ เพิ่มเติม

New Infrastructure ใช้เส้นทางการคมนาคมใหม่ๆ ให้เกิดการกระจายนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน-สปป.ลาว ที่สามารถเชื่อมโยงการเดินทางมายังจังหวัดหนองคายได้

และ New Way คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ (Millennials) ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

นายยุทธศักดิ์ สุภสร
ส่วนตลาดในประเทศมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ เพื่อตอบโจทย์ความคาดหวังของนักท่องเที่ยว ด้วยการพลิกโฉมการท่องเที่ยวของไทยในอนาคตให้เป็นไปอย่างมีคุณภาพ และยั่งยืน ภายใต้แคมเปญในประเทศ คือ เที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม โดยนำเสนอความพิเศษในการท่องเที่ยวผ่านเมนูประสบการณ์ที่มีคุณค่าเหนือราคา ภายใต้แนวคิด 3 Ex ได้แก่ Experience, Expectation และ Extraordinary ด้วยสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว 3 ประเภท ได้แก่ Nature to Keep, Food to Explore และ Thainess to Discover โดยกำหนดธีมสีและธีมนำเสนอเพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการเดินทางท่องเที่ยวของแต่ละภูมิภาค ดังนี้

- ภาคเหนือ : เสน่ห์วันวานเมืองเหนือ - North Nostalgia สี Navy
- ภาคกลาง : Trendy C2 ภาคกลาง (Create new Experience และ Charming of Central) - Chic Central สี Crimson
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : หลงรักแผ่นดินถิ่นอีสาน - Isan in Love สี Ivory
- ภาคใต้ : หรอยแรงแหล่งใต้ - Savory South สี Silver
- และภาคตะวันออก : สบ๊าย สบายภาคตะวันออก - East at Ease สี Emerald

เน้นสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ


สำหรับสินค้าทางการท่องเที่ยวนั้นเน้นการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์กลุ่ม Workation & Staycation Wellness Sport และการมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม (Low Carbon) ทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศด้วยการออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวที่เจาะกลุ่มและหลากหลาย รวมทั้งการอัปเดตกิจกรรมทางการท่องเที่ยวที่อยู่ในกระแสนิยม เพื่อให้ทันต่อพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่น การท่องเที่ยงเชิงดาราศาสตร์ กิจกรรมท่องเที่ยวทางน้ำ เส้นทางท่องเที่ยวแบบ Happy Model โดยที่ยังคงส่วนผสมของการท่องเที่ยวชุมชน เพื่อกระจายรายได้อย่างทั่วถึง

นอกจากนี้ ททท. ยังคงให้ความสำคัญกับทางท่องเที่ยวเชิงอาหาร Soft Power ที่แข็งแกร่งของประเทศไทย โดยสร้างประสบการณ์อาหารในมุมของอาหารปลอดภัย ตอบสนองคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น (Organic Lifestyle) เป็นการเผยแพร่ Best Practice Model ให้กระจายในวงกว้าง รองรับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้เกิดความยั่งยืนและสามารถสร้างมูลค่าและคุณค่าให้อาหารได้อย่างชัดเจน

ในการสื่อสารเพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในภาพรวมใช้แคมเปญ “เที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม” สำหรับตลาดในประเทศ โดยสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวด้วยมุมมองที่แตกต่างด้วยวิธีการท่องเที่ยวแบบ “ยิ่งไป ยิ่งให้ ยิ่งสุขใจกว่าที่เคย” ส่วนตลาดต่างประเทศใช้แคมเปญ “Amazing New Chapters” เพื่อพลิกโฉมประเทศไทยนำเสนอคุณค่าการท่องเที่ยวของประเทศไทยมุมมองใหม่ มีความโดดเด่นและแตกต่างจากประเทศคู่แข่ง ซึ่งเป็นจุดที่สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี (Thai Cultural Values) รวมทั้งการท่องเที่ยวที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ยกระดับภาพลักษณ์สู่การเป็น World Class Destination โดยสร้างการรับรู้ภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ซึ่งเป็นแบรนด์ทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่เป็นที่รู้จักในระดับโลกมาอย่างยาวนาน ภายใต้แนวคิด From A to Z Amazing Thailand Has it All ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาค้นหาและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ มากกว่าที่เคยตลอดปี 2565

การท่องเที่ยวแห่งโลกยุคใหม่

ผู้ว่าการ ททท. กล่าวในส่วนของการใช้นวัตกรรมและการบริหารบุคลากรว่า ททท. มีโครงการ TAT Amazing Influencer หรืออินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริง ที่จะนำเทคโนโลยี Virtual Character มาเป็นเครื่องมือในการสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลให้มาเป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกของอินฟลูเอนเซอร์ของ ททท. ผ่านโลก Metaverse และโครงการ TAT NFTs ที่จะก้าวสู่การนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวสู่ศิลปะดิจิทัล

โดยเริ่มที่สินค้าภูมิปัญญาเฉพาะถิ่น เพื่อจำหน่าย ซึ่งเป็นการนำดิจิทัลสร้างมูลค่าและความยั่งยืน กล่าวคือ Digital Industry สนับสนุนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลปรับใช้ในธุรกิจ Digital Investment ลงทุนในการพลิกโฉมสู่ยุคดิจิทัลของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว Digital Innovation ร่วมพัฒนานวัตกรรมบนพื้นฐานของเทคโนโลยีดิจิทัล ในส่วนของการบริหารองค์กรและบุคลากรนั้น ททท. จะเสริมสร้างความรู้ด้านการตลาดและด้านดิจิทัล สร้างระบบการทำงานแบบ Hybrid Working ที่สามารถทำงานนอกสถานที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบ Remote Worker และ Workation

นอกจากนี้ ยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างบุคลากรในองค์กร ตระหนักถึงการใช้ทรัพยากรอย่างรู้ค่าและคุ้มค่า โดยร่วมมือกับองค์กรภายนอกในหมุนเวียนทรัพยากร การจัดการทรัพยากรและขยะอย่างถูกต้องเหมาะสม เพื่อมุ่งไปสู่องค์กรสมรรถนะสูงอย่างจริงจัง

ทั้งนี้ การดำเนินการทั้งหมดมีเป้าหมายเดียวกัน คือ การสร้างรายได้รวม 1.28 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 656,000 ล้านบาท (160 ล้านคน/ครั้ง) ตลาดต่างประเทศ 625,800 ล้านบาท (10 ล้านคน) ดันยอดรายจ่ายเฉลี่ยต่อคน 4,100 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวในประเทศ และ 62,580 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศในปี Visit Thailand Year 2022 : Amazing New Chapters


กำลังโหลดความคิดเห็น