"พีซแอนด์ลีฟวิ่ง" ปิดเทรดวันแรกเหนือจอง 1.62 บาท หรือ 40.70% จากราคาไอพีโอที่กำหนดไว้ 3.98 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,156.23 ล้านบาท ที่ปรึกษาทางการเงินเผยช่วงจองซื้อหุ้น IPO นักลงทุนจองซื้อล้นหลาม เนื่องจากเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และมีโอกาสเติบโตในอนาคต
บริษัท พีซแอนด์ลีฟวิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PEACE เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก โดยเปิดตลาดที่ 5.25 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 1.52 บาท หรือ 38.19% จากราคาจองซื้อ IPO ที่กำหนดไว้หุ้นละ 3.98 บาทต่อหุ้น ก่อนจะปิดตลาดช่วงเช้าที่ 5.90 บาท เพิ่มขึ้น 48.24% หรือ 1.92 บาท ระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 6.15 บาท ต่ำสุดที่ 5.20 บาท เมื่อปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 5.60 บาท เพิ่มขึ้น 1.62 บาท หรือ 40.70% มูลค่าซื้อขาย 1,156.23 ล้านบาท
สำหรับ PEACE ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบเพื่อขาย ประเภทบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม โดยบริษัทเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก ปัจจุบันดำเนินโครงการภายใต้แบรนด์ Cordiz, The Glamor และ Cher และบริษัทฯ ได้เตรียมเปิดโครงการใหม่ จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวม 3,045 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มเปิดการขายตั้งแต่ไตรมาส 3/65 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ไม่ได้จำกัดในการพัฒนาโครงการเฉพาะในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเพียงอย่างเดียว และหากมีพื้นที่ในจังหวัดอื่นที่ทำเลมีศักยภาพ และมีความต้องการซื้อเพียงพอ พร้อมที่จะปรับกลยุทธ์การดำเนินงานไปยังทำเลที่มีศักยภาพต่อไปได้
นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า PEACE ถือเป็นบริษัทฯ ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมาอย่างยาวนาน และมีการบริหารงานแบบมืออาชีพ ทำให้กระแสตอบรับจากนักลงทุนในช่วงการจองซื้อหุ้น IPO ล้นหลาม เนื่องจากเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และมีโอกาสเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน
บล.เคทีบีเอสที ประเมิน PEACE ว่ากำไรปี 2565-2566 ที่ 230 ล้านบาท +22% YoY และ 280 ล้านบาท +22% YoY และอาจมี upside เพิ่มได้อีก ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการเปิดโครงการใหม่ได้มากกว่าแผน ทั้งนี้ ประเมินราคาเหมาะสมที่ 5.00 บาท อิง 2565 PER ที่ 9 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยกลุ่มที่อยู่อาศัย และ PEACE ยังมีจุดเด่นจากฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ในงวดไตรมาส 3/64 มี Net D/E ต่ำเพียง 0.1 เท่า (ต่ำกว่ากลุ่มที่ 0.93 เท่า) ซึ่งหลังจาก IPO ประเมินว่า PEACE จะมีความสามารถในการกู้ยืมเงินได้อีกไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท ทำให้มีความพร้อมที่จะเติบโตสูงในอนาคต