Line Pay ของญี่ปุ่นเตรียมที่จะเพิ่ม Native Crypto Token LINK เป็นตัวเลือกการชำระเงินที่ร้านค้าดิจิทัล โดยตั้งเป้าที่จะแสดงรายการ Bitcoin และ Ether เป็นตัวเลือกการชำระเงินในอนาคต
เอเยนซี - Line Corporation ได้ตัดสินใจลองใช้ กรณีการใช้งานจริงของโทเคนดั้งเดิมที่เรียกว่า LINK หรือ LN (ไม่ใช่โทเคน LINK ของ ChainLink โดยที่ LINK เป็นโทเคนดั้งเดิมของ Line ซึ่งใช้ตัวอักษรย่อเป็น LN ซึ่งไม่เหมือนกับ Altcoin Chainlink อื่นที่มีตัวย่อ LINK แทน) โดยบริษัทที่มีบริการส่งข้อความและชำระเงินดิจิทัลจะอนุญาตให้ผู้ใช้ชำระเงินด้วยโทเคน LINK ที่ร้านค้าออนไลน์ที่เลือก ซึ่งตัวเลือกใหม่นี้จะถูกทดลองใช้เป็นเวลา 9 เดือนตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคมที่จะถึงนี้ ถึงวันที่ 26 ธันวาคม 2565 โดยวัตถุประสงค์ของ Line มีเป้าหมายที่จะขยายข้อเสนอภายใต้ตัวเลือกการชำระเงินออนไลน์ด้วยโทเคนดั้งเดิมก่อนที่จะเพิ่มสกุลเงินดิจิทัลเช่น Bitcoin และ Ether ในรายการ
ขณะเดียวกัน บริษัทยืนยันว่าในช่วงทดลองใช้งาน ผู้ใช้จะสามารถใช้ LINK ที่ร้านค้าออนไลน์ของ Line Pay ได้เช่นเดียวกับ Line Points โดยไม่มีค่าคอมมิชชันใดๆ ด้วยการเชื่อมต่อ LINK กับ Line Pay เพื่อเป็นวิธีการชำระเงิน Line Pay มีเป้าหมายที่จะขยายตัวเลือกการชำระเงินของผู้ใช้ เพิ่มความสะดวก และเพิ่มการใช้งานจริงสำหรับ LINK” บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในโตเกียวกล่าว
จากข้อมูลของ CoinMarketCap ระบุว่า Crypto Token LINK (LN) ซึ่งได้เปิดตัวครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2018 โดยปัจจุบันโทเคนดังกล่าวนี้มีราคาซื้อขายอยู่ที่ 4,898.12 บาท และมีอุปทานหมุนเวียน 5,975,799.00 เหรียญ LN มูลค่าตามราคาตลาด ณ เวลาที่เขียนอยู่ที่ ฿28,982,968,396
นอกจากนี้ Line Corporation กำลังมองหาผู้ค้ำประกันการใช้ตลาดในโทเคนดั้งเดิมก่อนที่จะเจาะลึกลงไปในแผนการชำระเงิน crypto ที่มุ่งหมายที่จะรวม Bitcoin และ Ether ไว้ในสินทรัพย์ crypto อื่นๆ เป็นตัวเลือกการชำระเงิน โดยกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการคริปโตโทเคนไม่ได้ถูกห้ามในญี่ปุ่นที่ Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ได้รับการยอมรับว่าเป็นทรัพย์สินทางกฎหมาย ซึ่งส่วนใหญ่ควบคุมโดยพระราชบัญญัติบริการชำระเงิน (PSA)
ทั้งนี้ ในรายงานปี 2564 โดยสมาคมแลกเปลี่ยนสินทรัพย์เสมือนของญี่ปุ่นและคริปโตโทเคน (JVCEA) อ้างว่าเงินฝากสกุลเงินเสมือนของประเทศทำสถิติสูงสุดในเดือนมีนาคม 2564 โดยพุ่งขึ้นเป็นประมาณ 13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำสถิติสูงสุดเป็น 7 เท่าเมื่อเทียบกับเงินฝากคริปโตหรือสินทรัพย์ดิจิทัลที่บันทึกไว้ในญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคม 2563