โบรกฯ จับตามี.ค.นี้ มีโอกาสปรับเป้าหุ้นน้ำมัน หากราคายังยืนอยู่ในระดับสูง หลังราคาน้ำมันโลกปัจจุบันจ่อแตะ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ดีมองปัจจัยพื้นฐานหุ้นกลุ่มพลังงาน ผลงานยังไม่ดีเท่าปีก่อน ให้น้ำหนักเท่าตลาด พร้อมแนะนำ Selective buy ตามช่วงฤดูกาลของแต่ละตัว แต่ช่วงนี้เชียร์ TOP เหตุเป็นไฮซีซั่นธุรกิจ ให้ราคาสิ้นปีที่ 65 บาท
บล.กสิกรฯ ขอรอ มี.ค. ก่อนพิจารณาเพิ่มเป้าหุ้นน้ำมัน
นายจักรพงศ์ เชวงศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ในช่วงเวลาอันใกล้ๆนี้มีโอกาสที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะแตะ ที่ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลได้ หลังจากวันจันทร์ที่ 31 ม.ค.65 ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันโลกทะลุ 91 ดอลลาร์แล้ว จากหลายปัจจัยภายนอกประเทศที่กดดัน ทั้งกรณีมิสไซล์โจมตียูเออี รวมถึงปัญหาของรัสเซีย กับยูเครน ซึ่งหากมีการสู้รบกันจริง จะกระทบไปถึงยุโรป เนื่องจากรัสเซียถือเป็นผู้ส่งแก๊สให้ยุโรป
นายจักรพงศ์ กล่าวว่า โดยปัจจัยพื้นฐาน ขณะนี้ราคาน้ำมันค่อนข้างตึงตัวอยู่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล และเมื่อเข้าเดือน มี.ค. จะคลี่คลายลง Stock น้ำมันเริ่มมีมากขึ้น และจะทำให้ราคาน้ำมันเริ่มชะลอ
ทั้งนี้จากปัจจัยกดดันที่ยังมีอยู่ เชื่อว่าแม้ราคาน้ำมันจะปรับลดลงแต่คงไม่มาก โดยเฉลี่ยคาดว่าราคาน้ำมันตลาดโลกยังอยู่ในช่วง 80-90 ดอลลาร์ ภาพรวมยังสูงกว่าราคาเฉลี่ยในปีก่อนที่อยู่ 77 ดอลลาร์
อย่างไรก็ดี สำหรับหุ้นพลังงานนั้น ในระยะสั้น บล.กสิกรไทย ยังไม่มีการปรับเป้าหมายหุ้นกลุ่มนี้จากปัจจัยเรื่องของราคาน้ำมัน โดยขอจับตาสถานการณ์ในช่วงเดือน มี.ค.65 นี้ก่อนว่าราคาน้ำมันยังยืนอยู่ในระดับสูงตามที่คาดการณ์ไว้หรือไม่
" แม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับขึ้นร้อนแรง แต่ในส่วนของหุ้นพลังงาน มองว่ามีโอกาสปรับขึ้นได้ไม่มาก เนื่องจากเทรนด์ ESG (การดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล) มาแรง ดังนั้นต่อให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นไปมาก แต่หุ้นพลังงานจะไม่ขึ้นมากตาม นอกจากนี้พบว่าเทรนด์นักลงทุนหันไปลงทุนโดยตรงกับราคาน้ำมัน มากกว่าเข้าลงทุนในหุ้นน้ำมัน ดังนั้นมองว่าราคาหุ้นพลังงานยังถูก หากเทียบจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ยังเข้าลงทุนได้โดยยังมี upside ราว 10-15% แต่หุ้นจะถูก Discount จากธีม ESG " นายจักรพงศ์ กล่าว
ASPS แนะนำช่วงนี้เลือกลงทุนหุ้นโรงกลั่น เชียร์ TOP
นางสาวนลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ นักวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า แนวโน้มราคาน้ำมันยังจะเป็นขาขึ้น แต่ตามพื้นฐานแล้วราคาน้ำมันเฉลี่ยปีนี้ควรจะอยู่ที่ 65-70 ดอลลาร์ ดังนั้นราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นแรงมาจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก และเป็นขาขึ้นชั่วคราว
จากปัจจัยพื้นฐานของหุ้นกลุ่มพลังงาน มองว่าผลดำเนินงานของไม่ดีเท่าปีก่อนที่ราคาน้ำมันปรับขึ้นสูงมาก ดังนั้นการลงทุนให้น้ำหนักเท่าตลาด เลือกเป็น Selective buy ตามช่วงฤดูกาลของแต่ละตัว โดยช่วงนี้ให้น้ำหนักไปที่หุ้นโรงกลั่น เลือก TOP จากเป็นช่วงไฮซีซั่นธุรกิจ ให้ราคาสิ้นปีที่ 65 บาท
ทั้งที่ ตั้งแต่เริ่มต้น ปี2565 ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับขึ้นต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 31 ม.ค.65 ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบทำระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี โดยน้ำมันดิบเบรนท์แตะระดับ 91.70 ดอลลาร์ สูงสุดตั้งแต่เดือน ต.ค.57 และน้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐ อยู่ที่ 88.84 ดอลลาร์