หลังจากซุ่มพัฒนาระบบเครือข่ายโปรโตคอลมานานกว่า 2 ปี Litecoin (LTC) ได้เปิดตัว Mimblewimble ซึ่งเป็นการอัพเกรดที่คาดการณ์ไว้ว่าจะมีศักยภาพสูง ซึ่งจะเน้นการทำธุรกรรมที่เน้นความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้มากขึ้นบนเครือข่าย
การเปิดเผยของ cointelegraph ระบุถึงการอัพเกรดระบบ Mimblewimble ของ Litecoin ซึ่งต่อยอดมาจาก Mimblewimble Extension Block หรือที่รู้จักในชื่อ MWEB โดยช่วยให้ผู้ใช้เครือข่ายสามารถเลือกทำธุรกรรมที่เป็นความลับได้ ขณะที่ David Burkett หัวหน้านักพัฒนาของ MWEB ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิ Litecoin กล่าวว่าการอัพเกรดดังกล่าวช่วยปรับปรุงความสามารถในการใช้งานของ Litecoin ให้เป็นสกุลเงินที่สามารถใช้ร่วมกันได้ซึ่งใช้สำหรับการทำธุรกรรมในชีวิตประจำวัน เช่นการจ่ายเงินเดือนพนักงาน และแม้กระทั่งซื้ออสังหาริมทรัพย์
"Mimblewimble เป็นโปรโตคอลกระจายอำนาจที่เน้นความเป็นส่วนตัวซึ่งได้ชื่อมาจากการร่ายคาถาในนวนิยายชื่อดังที่สร้างชื่อเสียงครั้งแรกในชุดหนังสือ Harry Potter โดยโปรโตคอลมีคุณสมบัติเด่นในด้านการรักษาความลับ ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปกปิดข้อมูลการทำธุรกรรม นอกจากนี้ยังมีกรอบการทำงานสำหรับบล็อคเชนอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในการใช้งานของสกุลเงินดิจิทัล"
นอกเหนือจากการไม่เปิดเผยตัวตนและการทำธุรกรรมส่วนตัว เทคโนโลยีของ Mimblewimble ยังเน้นย้ำถึงความสามารถในการใช้งานและความสามารถในการปรับขนาด ซึ่งเป็นคุณสมบัติหลักที่บล็อกเชนจำนวนมากยังขาดอยู่ในขณะนี้ โดยมูลนิธิ Litecoin เชื่อว่าการรวม Mimblewimble จะช่วยให้สถานะของ LTC เป็น "เงินที่ดี" ซึ่งเป็นแนวคิดกว้าง ๆ ที่หมายถึงเงินที่มั่นคงซึ่งอ่อนแอต่อค่าเสื่อมราคาและอิทธิพลจากนโยบายการเงินน้อยกว่า
แม้จะเป็นหนึ่งใน cryptocurrencies แรก ๆ ที่เข้าสู่ตลาด แต่ Litecoin ก็ยังพยายามทะเยอทะยานเพื่อให้มีศักยภาพในการใช้งานตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบัน LTC อยู่ในอันดับที่ 21 ในการจัดอันดับมูลค่าตามราคาตลาด โดยมีมูลค่ารวม 7.5 พันล้านดอลลาร์
ขณะที่ล่าสุด ณ เวลา 14.55 น. ที่เขียนรายงานอยู่นี้ ราคา LTC บนกระดาน coinmarketcap อยู่ที่ $110.66 โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.82%
"You're a wizard, Harry."
Mimblewimble is not just a tongue-tying spell used in the magical series, but it's also a privacy-oriented decentralized protocol that structures and stores transactions on the blockchain. https://t.co/XCpNlb5AiD— Cointelegraph (@Cointelegraph) November 22, 2021