หุ้นไทยพลิกกลับ 5.34 จุด โบรกฯ ชี้ภาพดัชนี SET INDEX ปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาค หลังรับรู้ผลการประชุมเฟดเรื่องของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการเตรียมลดขนาดงบดุลสะท้อนการลงทุนไปในตลาดแล้ว ประเมินภาพรวมการลงทุนสัปดาห์หน้าหน้า คาดแกว่งตัวไซด์เวย์ แนวรับที่ 1,630 จุด และแนวต้านที่ 1,650 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 28 มกราคม 2565 ปรับตัว +5.34 จุด หรือ +0.33% โดยปิดตลาดที่ 1,639.51 จุด มูลค่าการซื้อขาย 77,730.25 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายในวันนี้ ดัชนี SET INDEX ปรับตัวเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,646.48 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,636.70 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 848 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน563 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 863 หลักทรัพย์
ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -1,004.75 ล้านบาท และบัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -155.65 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า 188.61 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า 971.79 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 4,462.66 ล้านบาท ปิดที่ 61.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
2.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,793.28 ล้านบาท ปิดที่ 148.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
3.TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,350.05 ล้านบาท ปิดที่ 4.94 บาท ลดลง 0.06 บาท
4.MAKRO มูลค่าการซื้อขาย 2,348.50 ล้านบาท ปิดที่ 39.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
5.EA มูลค่าการซื้อขาย 2,245.09 ล้านบาท ปิดที่ 90.25 บาท ลดลง 2.50 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.CPALL ปิดที่ 61.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 4.24%
2.CPN ปิดที่ 53.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 3.88%
3.CENTEL ปิดที่ 34.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 4.51%
4.CBG ปิดที่ 101.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 1.50%
5.AOT ปิดที่ 64.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 1.59%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.KCE ปิดที่ 70.50 บาท ลดลง 4.50 บาท หรือ 6.00%
2.HANA ปิดที่ 69.00 บาท ลดลง 3.25 บาท หรือ 4.50%
3.EA ปิดที่ 90.25 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 2.70%
4.JMART ปิดที่ 52.25 บาท ลดลง 2.25 บาท หรือ 4.13%
5.ADVANC ปิดที่ 222.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 0.89%
ส่วนดัชนี SET100 ปิดที่ 2,251.24 จุด เพิ่มขึ้น 5.04 จุด หรือ 0.22% ด้านดัชนี SET50 ปิดที่ 990.46 จุด เพิ่มขึ้น 2.10 จุด หรือ 0.21% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 619.58 จุด เพิ่มขึ้น 4.72 จุด หรือ 0.77%
นายสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค หลังผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเรื่องของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการเตรียมลดขนาดงบดุลน่าจะสะท้อนไปในตลาดทุนแล้ว เห็นได้จากตลาดสหรัฐฯ ที่การปรับฐานได้เริ่มชะลอ ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นไทยเริ่มหยุดการปรับลงเช่นเดียวกัน โดยเข้าสู่โหมดของการไซด์เวย์
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนน่าจะกลับมาโฟกัสที่นโยบายต่างๆ ของภาครัฐ โดยเฉพาะมาตรการผ่อนคลาย หลังจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เริ่มนิ่ง รวมถึงการที่ภาครัฐได้มีการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่ดีกับทางซาอุดีอาระเบีย น่าจะมีมาตรการออกมา เช่น การสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพกับประเทศตะวันออกกลาง เป็นต้น นอกจากนี้ เมื่อเข้าสู่เดือน ก.พ. นักลงทุนน่าจะจับตาดูการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย ปี 64 ทำให้ปัจจัยภายนอกประเทศจะเริ่มส่งผลน้อยลง แต่จะเน้นไปที่หุ้นรายตัว และรายกลุ่มแทน
ส่วนแนวโน้มสัปดาห์หน้า มองว่าดัชนีน่าจะแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยประเมินแนวรับที่ 1,630 จุด และแนวต้านที่ 1,650 จุด