"โรงงานเภสัช อุตสาหกรรม เจเอสพี" เผยช่วง 2 ปี ลูกค้า OEM สนใจผลิตสินค้าสร้างภูมิคุ้มกันและส่งเสริมสุขภาพสู่ตลาด มูลค่า 440 ล้านบาท เผยโควิดระบาดต่อเนื่องและกระแสคนรักสุขภาพหนุนการเติบโต ล่าสุดขยายโรงงานและติดตั้งเครื่องจักรรองรับการผลิตยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสารสกัดกัญชง รองรับการสกัดกัญชงทั้งปีได้กว่า 30,000 กิโลกรัม เดินหน้าหนุนการเติบโตลูกค้า OEM และพัฒนาสินค้าแบรนด์ JSP ทั้งอาหารเสริมและเครื่องสำอาง คาดภายในปี 2569 ตลาดสินค้ากัญชงกัญชาโตเกือบ 3 ล้านล้านบาท
นายพิษณุ แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท โรงงานเภสัช อุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JP เปิดเผยว่า ในปี 2565 เทรนด์ของการใส่ใจสุขภาพยังได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลก ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจึงยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการระบาดของโควิด-19 ยังคงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กระตุ้นให้ผู้คนให้ความสนใจในสุขภาพมากยิ่งขึ้น จากเทรนด์การใส่ใจสุขภาพนี้ส่งผลให้มีกลุ่มผู้ประกอบการหน้าใหม่สนใจเข้ามาทำธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยเฉพาะสินค้าที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายและการส่งเสริมสุขภาพ ซึ่งการเติบโตนี้ JP ได้เข้าไปมีส่วนสนับสนุนโดยการจัดอบรมให้ความรู้แก่ผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของแบรนด์สินค้า รวมถึงเปิดบริการรับจ้างผลิตสินค้า (OEM) ให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่ รวมถึงโรงงานขนาดเล็กที่ไม่ต้องการแบกรับต้นทุนในการผลิตด้วยตนเอง เพราะหากคำสั่งซื้อมีปริมาณไม่มากพออาจจะไม่คุ้มทุนกับการผลิตเอง และเสี่ยงต่อการปิดกิจการในที่สุด
สำหรับช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 นั้น พบว่า มีผู้ประกอบการเข้ามาใช้บริการ OEM ปี 2563 ถึงช่วง 9 เดือนแรกของ 2564 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 440 ล้านบาท นอกจากนี้ JP ยังได้ปูทางสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ของตัวเอง หรือกลุ่มคนที่ต้องการยกระดับสินค้าโอทอป แต่ต้องการผลิตสินค้าด้วยโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐานแต่ไม่มีเงินลงทุนในการซื้อเครื่องจักร สามารถเข้ามาปรึกษากับ JP เพื่อสร้างสินค้าที่ได้มาตรฐาน รวมถึงยังให้คำปรึกษาด้านบรรจุภัณฑ์ และการขออนุญาตขึ้นทะเบียน อย. ขณะเดียวกันสำหรับผู้ที่ยังไม่มีสินค้าของตัวเอง แต่มีความสนใจที่ต้องการสร้างสินค้าด้านผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทางเจเอสพีมีทีมวิจัยและพัฒนาที่สามารถช่วยทำงานวิจัยเกี่ยวกับสินค้าที่ต้องการ เพื่อพัฒนาไปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณภาพมีงานวิจัยรองรับ ซึ่งส่วนนี้ถือเป็นโอกาสในการสร้างอาชีพใหม่สำหรับผู้ที่ยังว่างงาน หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในการพัฒนาแบรนด์เป็นของตัวเองให้เกิดขึ้นได้จริงด้วยเงินลงทุนที่ไม่สูงมาก
อย่างไรก็ดี จากการสำรวจความต้องการของลูกค้ากลุ่ม OEM พบว่า ความต้องการในการผลิตสินค้าสุขภาพจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่นจากพืชสมุนไพรพื้นบ้าน และสินค้าจากสารสกัดพืชกัญชง-กัญชา มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ล่าสุด JP จึงได้ขยายโรงงานที่ จ.ลำพูน และติดตั้งเครื่องจักรเพื่อให้เป็นสถานประกอบการสกัดกัญชง ซึ่งเครื่องจักรชุดแรกที่ได้ติดตั้งนี้จะมีกำลังการผลิต 300 กิโลกรัม ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 1/2565 และมีแผนที่จะติดตั้งเครื่องจักรชุดที่ 2 ภายในไตรมาส 3/2565 ซึ่งเครื่องจักรชุดที่ 2 นี้ สามารถรองรับการผลิตได้ถึง 30,000 กิโลกรัม
ทั้งนี้ การขยายโรงงานเพื่อรองรับผลิตภัณฑ์กัญชงนั้นส่วนหนึ่งเพื่อรองรับการเติบโตของลูกค้า OEM โดยจะมีสินค้าประเภทยาสมุนไพร อาหารเสริมและเครื่องสำอาง ซึ่งสินค้าเหล่านี้ปัจจุบันแม้จะเริ่มได้รับความนิยมจากทั่วโลก แต่มองว่าภายในอนาคตจะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดตามข้อมูลวิจัยของ MarketsandMarkets ที่คาดการณ์ว่า ในปี 2569 ตลาดกัญชาโลกจะมีมูลค่าพุ่งขึ้นสูงถึง 90,400 ดอลลาร์สหรัฐ หรือมากถึง 2,831,328 ล้านบาท