xs
xsm
sm
md
lg

ไนท์แฟรงค์ฯ เผยซัปพลายโรงแรมลักชัวรีภูเก็ตปรับตัวเพิ่ม 3% สะท้อนเชื่อมั่นอุตฯ บริการไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


คาร์ลอส มาร์ติเนซ
ไนท์แฟรงค์ฯ เผยสิ้นปี 64 ซัปพลายรวมโรงแรมระดับลักชัวรี และระดับอัปสเกลในภูเก็ตปรับตัวเพิ่มขึ้น 3% สะท้อนความเชื่อมั่นนักลงทุนและผู้ประกอบการโรงแรมต่อการฟื้นตัวอุตสาหกรรมการบริการ หลังรัฐเดินหน้าโครงการ ‘Phuket Sandbox’ และ 'Test & Go' พร้อมเดินหน้าเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ระบุสถานการณ์โควิด-19 เปลี่ยน รัฐบาลไทยปรับแผนการแจ้งเตือนการเดินทางระยะสั้น-กฎระเบียบการกักตัวไม่ชัดเจน กระทบความมั่นใจของนักท่องเที่ยวยุโรปซึ่งมีพฤติกรรมวางแผนการเดินทางล่วงหน้า 2-3 เดือน ส่งผลครึ่งของปี 65 การท่องเที่ยวยังต้องพึ่งการท่องเที่ยวในประเทศ ช่วยขับเคลื่อนท่องเที่ยวภูเก็ต

นายคาร์ลอส มาร์ติเนซ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาการท่องเที่ยวภูเก็ตซบเซาลงต่อเนื่องจากปี 63 เพราะมาตรการด้านข้อจำกัดการเดินทาง โดยจำนวนผู้โดยสารขาเข้าจากต่างประเทศแตะระดับสูงสุดที่ 5.3 ล้านคนในปี 62 และลดลงไป 80% เหลือเพียง 1.1 ล้านคนในปี 63 ท่าอากาศยานไทยได้บันทึกปริมาณผู้โดยสารจากต่างประเทศโดยมีจำนวนน้อยกว่า 190,000 คนในปี 2564 ลดลงไป 83% ปีต่อปี แม้ว่าผู้โดยสารขาเข้าในช่วงครึ่งปีหลังมีปริมาณเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากโครงการ ‘Phuket Sandbox’ ในเดือน ก.ค.64 และโครงการ 'Test & Go' ในเดือน พ.ย.64

ทั้งนี้ ภูเก็ตเป็นจังหวัดแรกในประเทศไทยที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาโดยไม่ต้องผ่านการกักตัวภายใต้โครงการ 'Phuket Sandbox' ในเดือน ก.ค.64 โดยมีนักท่องเที่ยวเฉลี่ยอยู่ที่ 15,200 คนต่อเดือน นับเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก จากเดิมที่มีเพียงหลักร้อยในช่วงครึ่งปีแรก นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นมากถึง 4 เท่าหลังรัฐบาลเปิดตัวโครงการ 'Test & Go' ซึ่งเป็นการเดินทางโดยไม่ต้องกักตัวในเดือน พ.ย.64 ก่อนระงับโครงการดังกล่าวหลังจากผ่านไปเพียง 7 สัปดาห์เนื่องจากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน

สำหรับตลาดโรงแรมในภูเก็ตนั้นพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก ท่ามกลางสถานการณ์ตลาดที่ย่ำแย่และนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สามารถเดินทางได้ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกปี 64 โรงแรมบางแห่งยังคงปิดให้บริการชั่วคราว และผู้ประกอบการโรงแรมรายอื่นๆ ปรับรูปแบบธุรกิจและเน้นไปที่กลุ่มนักท่องเที่ยวภายในประเทศ นำเสนอโปรโมชันหลากหลาย โดยรวมไปถึงส่วนลดด้านค่าอาหารและที่พัก และแคมเปญต่างๆ บนสื่อโซเชียลมีเดีย ขณะที่ค่าห้องเฉลี่ยต่อวันของโรงแรมระดับลักชัวรี และระดับอัปสเกลลดลงไป 35% ปีต่อปี อยู่ที่ 2,442 บาท และอัตราการเข้าพักเฉลี่ยลดลง 14% ปีต่อปี อยู่ที่ 12% ในปี 64 อย่างไรก็ตาม ตลาดโรงแรมปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยอัตราการเข้าพักเพิ่มเป็น 2 เท่า และค่าห้องเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับในช่วงครึ่งปีแรก เป็นผลมาจากโครงการเดินทางโดยไม่ต้องกักตัวของรัฐบาล

“ณ สิ้นปี 64 ซัปพลายรวมโรงแรมระดับลักชัวรี่ และระดับอัปสเกลมีจำนวนห้องพัก 23,565 ห้อง เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนและผู้ประกอบการโรงแรมยังคงมีความเชื่อมั่นในการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบริการ โดยโรงแรมเปิดใหม่ในกลุ่มลักชัวรี และ กลุ่มอัปสเกลในปี 64 ได้แก่ อวานี พลัส ไม้ขาว ภูเก็ต (100 ห้อง) มีเลีย ภูเก็ต ไม้ขาว (164 ห้อง) ฮิลตัน การ์เดน อินน์ ภูเก็ต บางเทา (177 ห้อง) และฮอลิเดย์ อินน์ วานา นาวา ภูเก็ต (300 ห้อง) ในขณะที่โรงแรมบางแห่งเลื่อนการเปิดตัวออกไปในปี 65 เนื่องจากตลาดยังซบเซา นอกจากนี้ คาดว่าจะมีห้องพักเปิดใหม่ประมาณ 5,000 ห้องในภูเก็ตในปี 65 โดยซัปพลายห้องพักโรงแรมในภูเก็ตที่มากที่สุดอยู่ในหาดป่าตอง 25% ตามมาด้วยกะรน 18% บางเทา 12% กะตะ 11% และกมลา 11%


สำหรับแนวโน้มในการฟื้นตัวในช่วงไฮซีซันในระหว่าง 2 เดือนสุดท้ายของปี 64 ด้วยการจัดทำโครงการ ‘Test & Go’ นั้นต้องหยุดชะงักลงท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นครั้งที่ 5 โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายพันธุ์โอมิครอน จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในภูเก็ตรายวันเพิ่มขึ้นจากจำนวนเฉลี่ย 500 คนหลังจากเปิดโครงการ 'Phuket Sandbox' ในเดือน ก.ค.64 เป็น 1,200 คนในเดือน พ.ย. แตะระดับสูงสุดที่ 2,800 คนในเดือน ธ.ค. ภายใต้โครงการ 'Test & Go' แต่ยังห่างไกลจากค่าเฉลี่ย 14,800 คนในปี 62 ในช่วงก่อนโควิด นักท่องเที่ยวต่างชาติคิดเป็น 74% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดในช่วงก่อนโควิด-19 กลุ่มนักท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ จีน โดยคิดเป็น 32% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ตามมาด้วยยุโรป 29% รัสเซีย 9% และโอเชียเนีย 6% โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นแรงขับเคลื่อนตลาดที่สำคัญในภูเก็ตซึ่งหายไปตั้งแต่ต้นปี 63 และคาดว่าจะมีผลไปจนถึงปี 65 เนื่องจากยังมีมาตราการด้านข้อจำกัดการเดินทางออกนอกประเทศภายใต้นโยบายปลอดโควิดจากรัฐบาลจีน

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของการแจ้งเตือนการเดินทางระยะสั้นและกฎระเบียบการกักตัวที่ไม่ชัดเจนไม่ช่วยเรียกความมั่นใจของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวจากโซนยุโรปที่มักวางแผนการเดินทางล่วงหน้าถึง 2-3 เดือน ดังนั้น ในช่วงครึ่งแรกของปี 65 การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวภายในประเทศจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของภูเก็ต

“เรามองในแง่ดีในด้านการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมในภูเก็ตอย่างค่อยเป็นค่อยไปเนื่องจากสถานการณ์ของโรคระบาดยังคงคาดเดาไม่ได้ แต่ยังคงมีปัจจัยเชิงบวกหลายประการ ทั้งอัตราการกระจายของผู้ที่ได้รับวัคซีนในประเทศไทยและอาการของผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรงนัก ความต้องการทางการเดินทางของนักท่องเที่ยว และการสนับสนุนจากรัฐบาลในโครงการ ‘PhuketSandbox’ และแผนการท่องเที่ยวที่ได้รับเงินอัดฉีดเพื่อกระตุ้นจำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศ”

ในปี 65 อัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมระดับลักชัวรีและระดับอัปสเกลอาจเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระหว่าง 20-30% หากมาตราการด้านข้อจำกัดการเดินทางผ่อนคลายลงในช่วงต้นปี 65 ตลาดฟื้นตัวอย่างช้าๆ เพราะกลุ่มหลักจากชาวจีน ยังคงมีข้อจำกัดหลายอย่าง และจำนวนของห้องพักโรงแรมที่กลับมาเปิดให้บริการเพิ่มขึ้น รวมถึงการเปิดตัวของโรงแรมใหม่ๆ


กำลังโหลดความคิดเห็น