หุ้นไทยปิดตลาดฉิวเฉียดลบ -1.28 จุด โบรก ฯ แนะจับตาตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ และตัวเลขการส่งออก นำเข้าของประเทศไทย พร้อมประเมินกรอบการลงทุนแนวต้านที่ 1,680 จุด และแนวรับที่ 1,640 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 20 มกราคม 2565 ปรับตัวลดลง -1.28 จุด หรือ -0.08% โดยปิดตลาดที่ 1,656.96 จุด มูลค่าการซื้อขาย 80,864.60 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายในวันนี้ SET INDEX แกว่งตัวเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกก่อนที่จะทยอยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งปิดตลาด โดยดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,666.60 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,656.47 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 554 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 522 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 1,166 หลักทรัพย์
ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -2,563.83 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า 535.40 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า 1,776.11 ล้านบาท และ บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า 252.32 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.AOT มูลค่าการซื้อขาย 3,929.14 ล้านบาท ปิดที่ 62.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
2.TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,892.54 ล้านบาท ปิดที 4.74 บาท ลดลง 0.14 บาท
3.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,658.59 ล้านบาท ปิดที่ 141.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
4.IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,905.23 ล้านบาท ปิดที่ 47.00 บาท ลดลง 1.50 บาท
5.PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,776.63 ล้านบาท ปิดที่ 39.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BBL ปิดที่ 132.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาทหรือ +1.54%
2.SCB ปิดที่ 124.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาทหรือ 1.22%
3.AOT ปิดที่ 62.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 2.04%
4.BH ปิดที่ 136.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาทหรือ 0.74%
5.AEONTS ปิดที่ 183.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาทหรือ 0.55%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.RCL ปิดที่ 45.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 4.26%
2.IVL ปิดที่ 47.00 บาท ลดลง 1.50 บาทหรือ 3.09%
3.SINGER ปิดที่ 46.00 บาท ลดลง 1.25 บาทหรือ 2.65%
4.MEGA ปิดที่ 47.50 บาท ลดลง 1.25 บาทหรือ 2.56%
5.RBF ปิดที่ 20.90 บาท ลดลง 1.20 บาท หรือ 5.43%
ส่วนดัชนี SET100 ปิดที่ 2,258.06 จุด เพิ่มขึ้น 0.65 จุด หรือ 0.03% ด้นดัชนี SET50 ปิดที่ 990.44 จุด เพิ่มขึ้น 1.28 จุด หรือ 0.13% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 662.72 จุด ลดลง -4.09 จุด หรือ -0.61%
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกและลบ แต่ถือว่าแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นสหรัฐในช่วงนี้ เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐ ผันแปรไปตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) ค่อนข้างมาก แต่ทางฝั่งของตลาดเอเชีย หรือตลาดหุ้นไทย จะอ่อนไหวต่อบอนด์ยีลด์สหรัฐน้อยกว่า เพราะตลาดหุ้นบ้านเราไม่ได้มีคุณสมบัติเป็นหุ้นเทคโนโลยี หรือหุ้นเติบโต (Growth Stock) แต่เป็นหุ้น Value เป็นส่วนใหญ่ ทำให้แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะปรับตัวลงแต่เราก็ยังสามารถยืนบวกได้
ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวก ตอบรับธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ทั้งประเภท 1 ปีและ 5 ปี รวมทั้งการที่ญี่ปุ่นรายงานยอดส่งออกที่แข็งแกร่งในเดือนธ.ค.
ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้ นายณัฐชาต คาดว่า ตลาดฯ น่าจะแกว่งตัวไซด์เวย์ หากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ ออกมาไม่ได้ปรับตัวขึ้นไปมากกว่าที่ตลาดคาด แต่หากสูงกว่าคาดจะส่งผลกระทบต่อการปรับลงของหุ้นกลุ่มพลังงานในบ้านเรา ซึ่งมีน้ำหนักต่อดัชนีค่อนข้างมาก
ทั้งนี้แนะนักลงทุนติดตามการเปิดเผยตัวเลขการส่งออก นำเข้าของประเทศไทย ในวันพรุ่งนี้ ว่าจะยังคงรักษาระดับการเติบโตในระดับสูงได้หรือไม่ พร้อมให้แนวต้าน 1,680 จุด และแนวรับ 1,640 จุด