xs
xsm
sm
md
lg

อัปเดต 13 หุ้นดังซุกพอร์ตกระทรวงการคลัง ปี 65 มูลค่า 1.21 ล้านล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กระทรวงการคลัง เป็นหน่วยงานราชการส่วนกลางประเภทกระทรวงของไทย ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเงินของแผ่นดิน และมีการลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีมูลค่าสูงสุด โดยข้อมูลล่าสุด กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ถือหุ้นมูลค่ามากกว่า 1.21 ล้านล้านบาท โดยถืออยู่ 13 หุ้น ดังต่อไปนี้

1.AOT (บมจ.บริษัท ท่าอากาศยานไทย) หมวดธุรกิจ : ขนส่งและโลจิสติกส์ มูลค่าการลงทุน 6.07 แสนล้านบาท กระทรวงการคลังถือหุ้นในสัดส่วน 70.00% ถืออันดับ 1 สัดส่วนการถือหุ้นย้อนหลัง 4 ปี กระทรวงการคลังถือในสัดส่วน 70.00% มาอย่างต่อเนื่อง ส่วนอัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้นติดลบต่อเนื่อง โดยปี 65 YTD คือ -0.82% ปี 64 คือ -2.01% ปี 63 คือ -16.16%

AOT มีมาร์เกตแคปล่าสุด 864,285 ล้านบาท สูงเป็นที่ 2 ในหลักทรัพย์ทั้งหมด โบรกเกอร์มองอาจได้รับผลกระททบจากความกังวลต่อการระบาดของโอมิครอน ซึ่งกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว แต่สถานการณ์ในครึ่งปีหลังของงวดปี 2564/65 จะดีขึ้น และทำให้ผลการดำเนินงานจะยังคงมีทิศทางฟื้นตัวได้ดีขึ้นต่อเนื่อง

2.PTT (บมจ.ปตท.) หมวดธุรกิจ : พลังงานและสาธารณูปโภค มูลค่าการลงทุน 5.73 แสนล้านบาท กระทรวงการคลังถือหุ้นในสัดส่วน 51.11% ถืออันดับ 1 สัดส่วนการถือหุ้นย้อนหลัง 4 ปี กระทรวงการคลังถือในสัดส่วน 51.11% มาอย่างต่อเนื่อง ส่วนอัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้น ปี 65 YTD คือ +1.97% ปี 64 คือ -10.59% ปี 63 คือ -3.41%

PTT มีมาร์เกตแคปล่าสุด 1,106,816 ล้านบาท สูงที่สุดในหลักทรัพย์ นักวิเคราะห์มองว่าความสามารถในการจ่ายเงินปันผลอยู่ในระดับที่ดีจากงบลงทุนต่ำลง ซึ่งงบลงทุน 5 ปีฉบับใหม่เหลือ 1.0 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่ 82% จะใช้ในธุรกิจก๊าซ เมื่อเทียบกับอดีตงบลงทุนลดลงมาก

3.TTB (บมจ.ธนาคารทหารไทยธนชาต) หมวดธุรกิจ : ธนาคาร กระทรวงการคลังถือหุ้นในสัดส่วน 11.79% ถืออันดับ 3 มูลค่าการลงทุน 1.65 หมื่นล้านบาท ส่วนอัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้น ปี 65 YTD คือ -2.04% ปี 64 คือ +36.11% ปี 63 คือ -35.71%

TTB มีมาร์เกตแคปล่าสุด 139,137 ล้านบาท สูงเป็นที่ 31ในหลักทรัพย์ทั้งหมด และถูกคาดหมายแนวโน้มของงบที่จะออกล่าสุดที่มีโอกาสดีกว่าคาด และแนวโน้มการเติบโตของกำไรปี 2565 จะโตได้สูงที่สุดในกลุ่มธนาคารจาก Integration cost ที่ลดลง

4.OR (บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก) หมวดธุรกิจ : พลังงานและสาธารณูปโภค กระทรวงการคลังถือหุ้นในสัดส่วน 1.28% ถืออันดับ 3 มูลค่าการลงทุน 4.02 พันล้านบาท ส่วนอัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้น ปี 65 YTD คือ -4.63% ปี 64 คือ +50.00%

OR มีมาร์เกตแคปล่าสุด 309,000 ล้านบาท สูงเป็นที่ 14 ในหลักทรัพย์ทั้งหมด เล็งผลงาน Q4/64 ฟื้น ทั้งธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-Oil) หลังเปิดประเทศตั้งแต่พ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณการขายน้ำมันเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอีกด้วย

5.THAI (บมจ.การบินไทย) หมวดธุรกิจ : ขนส่งและโลจิสติกส์ กระทรวงการคลังถือหุ้นในสัดส่วน 47.86% ถืออันดับ 1 มูลค่าการลงทุน 3.46 พันล้านบาท สัดส่วนการถือหุ้นย้อนหลัง เมื่อวันที่ 21 มี.ค.61 กระทรวงการคลังถือ 51.03% ต่อมา วันที่ 1 เม.ย.62 ถือเท่าเดิม 51.03% จากนั้นวันที่ 3/07/20 ถือเหลือ 47.86% ส่วนอัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้น ปี 65 YTD คือ 0.00% ปี 64 คือ +5.06% ปี 63 คือ -53.87%

THAI อยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ และแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยคงค้าง จนถึงวันที่ 15 พ.ย.64 รวมเป็นเงิน 1,298,476,908.50 บาท และบริษัทฯ ไม่ได้ผิดนัดแต่ประการใด

6.TFFIF (กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย) หมวดธุรกิจ : ขนส่งและโลจิสติกส์ กระทรวงการคลังถือหุ้นในสัดส่วน 10.00% ถืออันดับ 1 มูลค่าการลงทุน 3.35 พันล้านบาท สัดส่วนการถือหุ้นถือ 10.00% ต่อเนื่อง ส่วนอัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้น ปี 65 YTD คือ -0.68% ปี 64 คือ -24.23% ปี 63 คือ -20.49%

TFFIF มีมาร์เกตแคปล่าสุด 33,361 ล้านบาท โดยโครงสร้างพื้นฐาน ผลตอบแทนราคาไม่สดใสจากพิษโควิดกดดันผลประกอบการ เป็นเหตุนักลงทุนแห่ขาย แต่ประเมินผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว น่าเก็บเก็งกำไรราคาฟื้น-ระยะยาวปันผลสูงสม่ำเสมอ

7.DMT (บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง) หมวดธุรกิจ : ขนส่งและโลจิสติกส์ กระทรวงการคลังถือหุ้นในสัดส่วน 22.13% ถืออันดับ 2 มูลค่าการลงทุน 3.03 พันล้านบาท ส่วนอัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้น ปี65 YTD คือ 0.00% ปี 64 คือ -28.12%

DMT มีมาร์เกตแคปล่าสุด 13,584 ล้านบาท สูงเป็นที่ 180 ในหลักทรัพย์ทั้งหมด บริษัทคาดผลการดำเนินงานไตรมาส 4/64 จะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/64 หลังผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เนื่องจากภาครัฐมีการประกาศเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ส่งผลดีต่อบรรยากาศการเดินทางกลับมาดีขึ้น

8.MCOT (บมจ.อสมท) หมวดธุรกิจ : สื่อและสิ่งพิมพ์ กระทรวงการคลังถือหุ้นในสัดส่วน 65.80% ถืออันดับ 1 มูลค่าการลงทุน 2.84 พันล้านบาท ส่วนอัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้น ปี 65 YTD คือ -0.78% ปี 64 คือ +50.94% ปี 63 คือ -56.51%

MCOT มีมาร์เกตแคปล่าสุด 4,363 ล้านบาท สูงเป็นที่ 351ในหลักทรัพย์ทั้งหมด MCOT รุกขยายธุรกิจหุ้นยั่งยืนปี 68 ตามแนวทาง ESG โดยมีการปรับผังรายการใหม่ และเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินสินค้า

9.BCP (บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น) หมวดธุรกิจ : พลังงานและสาธารณูปโภค กระทรวงการคลังถือหุ้นในสัดส่วน 4.76% ถืออันดับ 5 มูลค่าการลงทุน 1.75 พันล้านบาท สัดส่วนการถือหุ้นย้อนหลัง วันที่ 7 ส.ค.61 กระทรวงการคลัง ถือ 9.98% ต่อมาในวันที่ 4 มี.ค.64 ลดสัดส่วนลงเหลือถือ 4.76% จนถึงปัจจุบัน ส่วนอัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้น ปี 65 YTD คือ +5.94 % ปี 64 คือ +22.57% ปี 63 คือ -26.43%

BCP มีมาร์เกตแคปล่าสุด 36,832 ล้านบาท สูงเป็นที่ 95 ในหลักทรัพย์ทั้งหมด คาดแนวโน้มการดำเนินงานไตรมาส 4/2564 ยังดีจากไตรมาสก่อน โดยเฉพาะจากการดำเนินงานในกลุ่มโรงกลั่น จากการใช้กำลังการกลั่นที่ใกล้เคียงจากไตรมาสก่อน ขณะที่อุปสงค์การใช้น้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้น

10.MFC (บมจ.หลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี) หมวดธุรกิจ : เงินทุนและหลักทรัพย์ กระทรวงการคลังถือหุ้นในสัดส่วน 15.92% ถืออันดับ 2 มูลค่าการลงทุน 545 ล้านบาท ส่วนอัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้น ปี 65 YTD คือ +2.86% ปี 64 คือ +79.79% ปี 63 คือ -5.19%

MFC มีมาร์เกตแคปล่าสุด 3,391 ล้านบาท สูงเป็นที่ 392 ในหลักทรัพย์ทั้งหมด เพิ่งตั้งกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล คอนซูเมอร์ เทรนด์ เป็นการลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในกระแสการเปลี่ยนแปลง หรือบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงจากแนวโน้มการเติบโตในการใช้จ่ายของผู้บริโภค

11.BEYOND (บมจ.เบาด์ แอนด์ บียอนด์) หมวดธุรกิจ : การท่องเที่ยวและสันทนาการ กระทรวงการคลังถือหุ้นในสัดส่วน 10.80% ถืออันดับ 2 มูลค่าการลงทุน 421 ล้านบาท ส่วนอัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้น ปี 65 YTD คือ +28.44% ปี 64 คือ +34.57% ปี 63 คือ +23.66%

BEYOND มีมาร์เกตแคปล่าสุด 4,044 ล้านบาท สูงเป็นที่ 361ในหลักทรัพย์ทั้งหมด ธุรกิจลงทุน พัฒนา และดำเนินธุรกิจโรงแรมและการบริการ พอร์ตสินทรัพย์ปัจจุบันประกอบด้วยโรงแรมดัง 2 แห่ง โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ ซึ่งทั้ง 2 แห่งเป็นโรงแรมระดับ Ultra-Luxury

12.NEP (บมจ.เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรม) หมวดธุรกิจ : บรรจุภัณฑ์ กระทรวงการคลังถือหุ้นในสัดส่วน 12.72% ถืออันดับ 2 มูลค่าการลงทุน 139 ล้านบาท ส่วนอัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้น ปี 65 YTD คือ +2.13% ปี 64 คือ +88.00% ปี 63 คือ 0.00%

NEP มีมาร์เกตแคปล่าสุด 1,116 ล้านบาท สูงเป็นที่ 626 ในหลักทรัพย์ทั้งหมด ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกรวมทั้งบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่น

13.RPH (บมจ.โรงพยาบาลราชพฤกษ์) หมวดธุรกิจ : การแพทย์ กระทรวงการคลังถือหุ้นในสัดส่วน 2.69% ถืออันดับ 5 มูลค่าการลงทุน 90 ล้านบาท ส่วนอัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้น RPH ปี65 YTD คือ +1.64% ปี 64 คือ +9.91% ปี 63 คือ -15.27%

RPH มีมาร์เกตแคปล่าสุด 3,385 ล้านบาท สูงเป็นที่ 393 ในหลักทรัพย์ทั้งหมดและเป็น 1ใน 35 หลักทรัพย์ ถูกคัดเลือกเข้าดัชนี sSET
 
อย่างไรก็ตาม หุ้นในพอร์ตกระทรวงการคลัง ในปี 64 ส่วนใหญ่อัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้นเป็นบวกมากถึง 8 หลักทรัพย์ จับตาดูว่าในปี 65 จะทำอัตราผลตอบแทนได้มากกว่าปี 64 หรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น