นายวิชิต พยุหนาวีชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล จำกัด (SCAP) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจของบริษัทในปีนี้พร้อมที่จะเดินหน้าขยายสินเชื่อ หลังจากในปี 2564 ที่ผ่านมา ได้เดินหน้าปรับปรุงทั้งระบบการทำงาน และระบบไอทีไว้รองรับในระดับหนึ่งแล้ว โดยได้มีการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงลูกค้า และดีลเลอร์ทั้งในส่วนของสินเชื่อบุคคล และสินเชื่อเช่าซื้อรถซึ่งจะเน้นในส่วนของรถจักรยานยนต์ป้ายแดง โดยในส่วนของสินเชื่อบุคคลที่ไม่มีหลักประกันจะใช้แนวทางในการเพิ่มจำนวนพนักงานขายเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมถึงการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย ครอบคลุม และตอบโจทย์ลูกค้า และการปรับเปลี่ยนนโยบายสินเชื่อให้สอดรับกับลูกค้าหลาย Segment เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้น
ส่วนสินเชื่อเช่าซื้อจะเน้นที่สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ป้ายแดง โดยจะเพิ่มพนักงานขายในท้องถิ่น รวมถึงเพิ่มดีลเลอร์ และสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับดีลเลอร์เพื่อเพิ่มฐานลูกค้า และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โดยนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ทั้งในเรื่องของการกระบวนการวิเคราะห์สินเชื่อ การชำระเงิน และการติดตามหนี้ ซึ่งในกระบวนการต่างๆ เหล่านี้ เมื่อสามารถนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้นอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานแล้ว ยังจะช่วยลดต้นทุน และเพิ่มผลประกอบการที่ดีให้บริษัท
"การนำเทคโนโลยีเข้ามาในระบบการดำเนินงานนั้น จะทำทั้งในส่วนของสินเชื่อบุคคล และสินเชื่อเช่าซื้อ ซึ่งการทำธุรกิจดังกล่าว การวิเคราะห์สินเชื่อ ความรวดเร็วในการอนุมัติ การติดตามหนี้เป็นหัวใจสำคัญ เราจะต้องชั่งน้ำหนักระหว่างการปล่อยสินเชื่อ กับคุณภาพของสินเชื่อ โดยหากสามารถคุมตรงนี้ได้ดีจะทำให้ได้ผลประกอบการที่ดีไปด้วย ซึ่งการนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาจะสามารถช่วยได้มาก ขณะที่สถานการณ์โควิดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เราเห็นถึงความสำคัญในการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ซึ่งนำไปสู่เป้าหมายการเป็น Tech Leasing Company ของเรา"
สำหรับการเตรียมความพร้อมที่จะก้าวไปสู่ Tech Leasing Company นั้น บริษัทได้เตรียมความพร้อมมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยมองว่า Step 1 จะเป็นเรื่องของการวิเคราะห์การให้สินเชื่อ Credit Scoring ซึ่งจะช่วยการอนุมัติสินเชื่อได้รวดเร็ว แม่นยำขึ้น ลดภาระให้พนักงานขาย และเพิ่มความพึงพอใจให้ดีลเลอร์ โดยปัจจุบันหากมีการกรอกข้อมูลลูกค้าทางออนไลน์ครบถ้วน ระบบจะสามารถวิเคราะห์คุณภาพของสินเชื่อได้ภายในระยะเวลาเพียง 1 นาที รวมถึงยังมีระบบ Scap Fast ที่การจ่ายค่ารถให้ดีลเลอร์ได้อย่างรวดเร็วภายใน 1 วัน และระบบ Field collector ที่ดูแลเรื่องการติดตามทวงหนี้ด้วย
นายวิชิต กล่าวอีกว่า หากเรามีระบบวิเคราะห์คุณภาพหนี้ที่ดี มีระบบการติดตามหนี้ที่ดีจะทำให้ตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ในระดับที่ไม่สูง โดยปัจจุบัน NPL ของ SCAP อยู่ที่กว่า 2% เล็กน้อย ซึ่งถือว่าต่ำ และมองว่าในปีนี้น่าจะมองกรอบที่ไม่เกิน 2.5% โดยจาก NPL เราสามารถบริหารจัดการได้ค่อนข้างดีนั้น ในปีนี้จะขยายผลิตภัณฑ์ไปสู่กลุ่มเอสเอ็มอีขนาดเล็กเพื่อขยายกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากมองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นในปีนี้จะเป็นโอกาสดีที่ขยายไปสู่กลุ่มธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการเงินทุนเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีสินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้น 60% จากในปีก่อนที่เพิ่มขึ้นถึง 150% และคาดว่าสินเชื่อรวมจะแตะ 10,000 ล้านบาทในปีนี้
นอกจากนี้ SCAP ยังร่นระยะเวลาการจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะเป็นปี 2566-2567 เนื่องจากมองว่า มีความพร้อมทั้งในด้านของฐานะการเงินที่มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท รวมถึงมีอัตราการเติบโตของธุรกิจ และผลการดำเนินงานที่ดี สะท้อนให้เห็นความพร้อมที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดแล้ว ซึ่งจะเป็นช่องทางให้เราขยายธุรกิจได้เร็วขึ้น