Bitcoin สกุลเงินดิจิตอลที่ใหญ่ที่สุดในโลกร่วงแตะ 42,700 ดอลลาร์ ลดลง 1.7% โดยลดลงกว่า 5.2% ในวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งการทะลุแนวรับต่ำกว่าระดับ 42,000 ดอลลาร์ของเดือนที่แล้วจะทำให้อ่อนค่าที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. ส่วน ether ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือนหลังจาก Fed ประกาศนโยบายเชิงรุก
สำนักข่าว reuters รายงานว่า Bitcoin ปรับตัวลดลงต่ำกว่า $43,000 ในวันนี้ (พฤหัสบดีที่ 6 มกราคม 2564) โดยถือว่าปรับตัวลดลงระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือนหลังจากที่การประชุมครั้งล่าสุดของ ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FED ที่ปรับแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐไปสู่การดำเนินการตามนโยบายเชิงรุกมากขึ้น
สถิติสูงสุดที่ 69,000 ดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายน
Matt Dibb ซีโอโอของผู้จัดจำหน่ายกองทุน crypto ในสิงคโปร์ Stack Funds กล่าวว่า การเคลื่อนไหวในตลาดสกุลเงินดิจิทัลมีความสอดคล้องกับตลาดแบบดั้งเดิมมากขึ้น เนื่องจากจำนวนสถาบันที่ซื้อขายทั้งคริปโตและสินทรัพย์อื่นๆ เพิ่มขึ้น และการปรับตัวร่วงลง “สัมพันธ์กับ 'การเสี่ยง' ข้ามประเภทสินทรัพย์แบบดั้งเดิมส่วนใหญ่” โดยเฉพาะการปรับตัวลดลงในตลาดสำคัญๆ เช่น Nasdaq
โดยล่าสุด Nasdaq ร่วงลงมากกว่า 3% เพียงชั่วข้ามคืนนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์หลังจากรายงานของ Fed แสดงให้เห็นว่าผู้กำหนดนโยบายของสหรัฐได้หารือเกี่ยวกับการลดงบดุลของธนาคารในการประชุมเดือนธันวาคม เพื่อตัดสินใจที่จะเร่งโครงการซื้อพันธบัตรให้เสร็จ
ขณะเดียวกันในส่วนของเหรียญพี่รองอย่าง Ether ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกซึ่งเป็นรากฐานของเครือข่าย ethereum ปรับตัวลดลง 5.2% ในวันพุธ และแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม ก่อนที่จะตีกลับเล็กน้อยเป็น 3,460 ดอลลาร์
ด้านนักวิเคราะห์ Crypto ยังจับตาดูว่าการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในคาซัคสถานซึ่งในตอนแรกจุดประกายจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น จะส่งผลกระทบต่อเครือข่าย bitcoin หรือไม่ เนื่องจากรัฐบาลคาซัคระบุว่าเมื่อปลายปีที่แล้วเริ่มปราบปรามธุรกิจขุดเหมืองเหมืองบางแห่ง เนื่องจากเกรงว่ากระบวนการที่ใช้พลังงานจำนวนมากและจะกระทบต่อการใช้พลังงานของประเทศและอุตสาหกรรมอื่น
ทั้งนี้ศูนย์เคมบริดจ์เพื่อการเงินทางเลือกของสหราชอาณาจักรกล่าวเมื่อปีที่แล้วว่า ประเทศในเอเชียกลางเป็นศูนย์กลางที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกสำหรับการขุด bitcoin อาจต้องมีการตรวจสอบผลกระทบที่เกิดขึ้น ทั้งด้านการซื้อขายและการใช้พลังงาน