ศรีไทยฯ ลั่นปี 65 ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 15-20% ของยอดขายรวมกว่า 7 พันล้านบาท เน้นรักษากำไรขั้นต้นไม่น้อยกว่า 10% เดินหน้าขยายธุรกิจเจาะ “เวียดนาม-อินเดีย” เพิ่ม ยอมรับโควิดกระทบ ปรับกลยุทธ์รับมือและอานิสงส์ค่าบาทอ่อนดันกำไรโตต่อเนื่อง แม้ต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งขยับขึ้น
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SITHAI เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทมียอดขายรวมกว่า 7,000 ล้านบาท โดยมีกำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 10% อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีกำไรขั้นต้นแต่บริษัทยังต้องประสบกับปัญหาราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นอันเนื่องมากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เมลามีนที่ใช้บนโต๊ะอาหารได้รับผลกระทบโดยตรง
เนื่องจากธุรกิจร้านอาหารได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลต่อยอดขายที่ลดลงบ้าง และยังส่งผลให้เกิดการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ในการจัดส่งสินค้า นอกจากนี้ ยังมีปัญหาอัตราค่าระวางเรือที่เพิ่มขึ้นจากราคาพลังงานที่ปรับตัวตามสถานการณ์โลก
อย่างไรก็ดี กลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกอุตสาหกรรมกลับมียอดขายดีขึ้น เช่น กลุ่มสินค้าลังพลาสติก พาเลต และเปลือกแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นไปตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง Logistics และการปรับตัวดีขึ้นของกลุ่มยานยนต์เมื่อเทียบกับปีก่อน เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มและบรรจุภัณฑ์อาหาร (Food Beverage) Food Delivery ที่มียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทยังได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าทำให้ผลประกอบการในปีนี้ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ปี 65 ลุยนอก เจาะเวียดนาม-อินเดีย
สำหรับภาพรวมแผนการดำเนินงานปี 2565 SITHAI ตั้งเป้ายอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 15-20% ซึ่งมีอัตราการทำกำไรที่สูงขึ้นกว่าปี 2564 โดยเน้น 3 ประเด็นหลักคือ รักษาฐานลูกค้า พร้อมกับการทำวิจัยและพัฒนาร่วมกับลูกค้าในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และต่อยอดไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างรายได้และการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวของ SITHAI ในอนาคต
โดยเน้น Operational Excellence ทั้งในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการดำเนินงานการบริหาร Supply Chain ครบวงจร และการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายและสร้างศักยภาพและความสามารถในการทำกำไร และสุดท้ายมองหาธุรกิจใหม่ๆ เข้ามาเสริมทัพในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์พลาสติกพร้อมกับขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าของบริษัทฯ โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกด้านการแพทย์ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดในปัจจุบัน
ทั้งนี้ SITHAI ยังเดินหน้าการลงทุนอย่างต่อเนื่องโดยขยายธุรกิจและกำลังการผลิตของบริษัทย่อยในเวียดนาม ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงและมีอัตราการทำกำไรที่ดี ควบคู่กับการร่วมมือกับพันธมิตรรายใหญ่ที่ต้องการขยายการลงทุนในเวียดนาม โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มและกลุ่มพลาสติกอุตสาหกรรม ขณะเดียวกัน SITHAI เริ่มสร้างโรงงานเมลามีนแห่งใหม่ในนิคมอุตสาหกรรม VSIP 2 ใกล้เมืองโฮจิมินห์ คาดแล้วเสร็จปีหน้า 2565 อีกทั้งขยายการลงทุนในธุรกิจของบริษัทย่อยในอินเดีย ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ช่วงต้นปี 64 ซึ่ง SITHAI ปรับกลยุทธ์ด้วยการชะลอการใช้จ่ายและรักษาสภาพคล่อง ส่งผลให้ครึ่งปีหลังดีขึ้น ส่วนปี 65 ขยายฐานลูกค้าใหม่และพัฒนาสินค้าใหม่ ซึ่งเชื่อมั่นว่าปีหน้าจะเป็นปีที่ดีของศรีไทยในอินเดีย
บทเรียนโควิด แก้จุดอ่อน เสริมจุดแข็ง
จากปัญหาผลกระทบของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิดต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 มาจนถึงปี 2564 SITHAI เตรียมรับมือถอดบทเรียนจากปัญหาผลกระทบดังกล่าวของปีที่แล้ว ด้วย เน้นการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและติดตามลูกค้าอย่างใกล้ชิด การร่วมมือกับคู่ค้าเพื่อสร้างความเข้มแข็งและอยู่รอดร่วมกัน และชะลอการลงทุนที่ยังไม่มีความจำเป็นหรือเร่งด่วน และการบริหารสภาพคล่องและกระแสเงินสด พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน
นอกจากนี้ ยังได้ปรับโครงสร้างธุรกิจและองค์กรอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการดำเนินงาน ส่งผลให้ SITHAI สามารถทำกำไรที่ดีขึ้น มีอัตราส่วนสภาพคล่องที่ดีและอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลง ช่วยสร้างความมั่นใจในความต่อเนื่องของธุรกิจของ SITHAI
ขณะเดียวกัน สร้างความมั่นใจให้เจ้าหนี้สถาบันการเงิน และยังได้ว่าจ้างผู้บริหารคนรุ่นใหม่ วิศวกร และกลุ่ม Talents เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเปลี่ยนถ่ายและทดแทนคนรุ่นก่อนและเสริมทัพความแข็งแกร่งให้ทีมงานที่จะพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของธุรกิจและองค์กร อีกทั้งยังเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น โดยตั้งทีม Covid Committee ในการออกมาตรการต่างๆ ที่รัดกุมและเข้มงวดเพื่อติดตามและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วทั้งบริษัท
“ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบริษัทมีความตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะก้าวผ่านวิกฤตต่างๆ พร้อมยืนหยัดการปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลามาโดยตลอดและก้าวต่อไป หลังจากนี้ บริษัทพร้อมที่จะขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์และฐานลูกค้าใหม่ๆ การเติบโตและสร้างผลกำไรตอบแทนผู้ถือหุ้นต่อไป” นายสนั่น กล่าว