บล.เคทีบีเอสที ประเมินหุ้นกลุ่ม Food & Beverageเป็น “เท่ากับตลาด” ให้ “อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย-ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง” เด่นสุด ขณะหลาย บจ.ทยอยได้ใบอนุญาตเดินหน้าลุยผลิตตามแผน คาดกลุ่มกลางน้ำ (โรงสกัด) จะได้ประโยชน์มากสุด เพราะกำหนดโควตาปลูก นำเข้าเมล็ดพันธุ์ และราคารับซื้อช่อดอกแห้งเพื่อขายให้ผู้ผลิตปลายน้ำ คาดสารสกัดออกสู่ตลาดต้นปี 65
บล.เคทีบีเอสที ยังคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่ม Food & Beverage เป็น “เท่ากับตลาด” Top picks คือ RBF หรือบริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) และ SNNP หรือบริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งธุรกิจ “กัญชงเชิงพาณิชย์” ขณะนี้ใบอนุญาตโรงสกัดทาง อย.ได้อนุมัติไปแล้ว 20 ใบ โดยโรงสกัดรายใหญ่ที่สุด ได้แก่กลุ่ม Eastern Spectrum Group (ESG) และ Thai Nippon Rubber (TNR) ส่วนบริษัทในตลาดที่ได้แล้วคือ RBF และ TNR หรือ บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยยังไม่มีการปลูกเชิงพาณิชย์ เพราะต้องนำเข้าเมล็ดพันธุ์ซึ่งราคาจะสูงถึง 70-500 บาท/เมล็ด
ในขณะที่เมล็ดพันธุ์ในประเทศราคา 2 บาท/เมล็ด คาดว่าจะมีพร้อมจำหน่ายได้ในปี 65 และราคารับซื้อช่อดอกกัญชงแห้งอิงตาม % ของ CBD ตั้งแต่ 6-23% โดยมีราคาอยู่ที่ 2,000-7,500 บาท/กก. อีกทั้งราคาขายสารสกัด CBD อยู่ที่ 100,000 บาท/กก. และ CBD isolate (crystal) จะอยู่ที่ 180,000 บาท/กก.
ดังนั้น บล.เคทีบีเอสที ยังคงมุมมองเป็นบวกต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้ากัญชง ซึ่งความคืบหน้ายังอยู่ในกรอบเวลาที่ไม่ล่าช้ามากนัก โดยเฉพาะกลุ่มกลางน้ำ (โรงสกัด) จะได้ประโยชน์มากสุด เนื่องจากเป็นผู้กำหนดโควตาปลูก นำเข้าเมล็ดพันธุ์ และราคารับซื้อช่อดอกแห้งเพื่อขายให้ผู้ผลิตปลายน้ำ โดยคาดว่าจะได้เห็นการสกัดสาร CBD ออกจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาสแรกปี 65 บล.เคทีบีเอสที ประเมินกำไรสุทธิจากการขายช่อดอกแห้งที่ 2.5 ล้านบาทต่อไร่ (อิงจากการวิจัยของ ม.แม่โจ้ ช่อดอกแห้งที่ทำการทดลองได้สาร CBD อยู่ที่ 12% ราคาอยู่ที่ 4,500 บาท/กก. และช่อดอกแห้งที่ได้อยู่ที่ 1,000 กก./ไร่)
หุ้นที่ บล.เคทีบีเอสที ชอบคือหุ้นที่ทำโรงสกัดสาร CBD ได้แก่ RBF (ซื้อ/เป้า 29.00 บาท) DOD (NR) SUN (ซื้อ/เป้า 12.00 บาท) สำหรับสินค้ากัญชงปลายน้ำคาดว่าเห็นสินค้าที่ผสมเมล็ดหรือใบกัญชงเริ่มวางขายเร็วสุดช่วงปลายไตรมาส 4 ปี 64 โดย First mover ได้แก่ SNNP (ซื้อ/เป้า 15.50 บาท) และสินค้าที่ผสมสารสกัด CBD ใน 1Q22E เช่น ICHI (Not Rated), CBG (ซื้อ/เป้า 158.00 บาท)
ทั้งนี้ บล.เคทีบีเอสที มีมุมมองเป็นบวกต่อธุรกิจกัญชงในไทย เพราะมีความชัดเจนมากขึ้นและเป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด ทั้งจากการอนุมัติให้นำเข้าเมล็ดพันธุ์จากต่างประเทศ ใบอนุญาตการปลูกและสกัด การใช้Hemp seed oil และสาร CBD ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่างไรก็ตาม จากประเด็นข้างต้น บล.เคทีบีเอสที มองว่ากลุ่มกลางน้ำ (โรงสกัด) จะได้ประโยชน์มากสุด หุ้นที่ชอบได้แก่ RBF (ซื้อ/เป้า 29.00 บาท) DOD (NR) หรือบริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) SUN หรือบริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) (ซื้อ/เป้า 12.00 บาท)
โดย บล.เคทีบีเอสที คาดว่าเริ่มเห็น products ที่ผสมเมล็ดกัญชง น้ำมันเมล็ดกัญชงและผสมสารสกัด CBD เริ่มวางขายในตลาดเร็วสุดในช่วงปลายไตรมาส 4 ปี 64 หรือต้นไตรมาสแรกปี 64 โดย First mover ได้แก่ SNNP (ซื้อ/เป้า 15.50 บาท) ICHI (NR)หรือบริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) CBG หรือบริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (ซื้อ/เป้า 158.00 บาท) เบื้องต้น บล.เคทีบีเอสที ประเมินกำไรสุทธิจากการขายช่อดอกแห้งที่ 2.5 ล้านบาทต่อไร่ (อิงราคาขายช่อดอกแห้งที่ 4,500 บาท/กก. และช่อดอกแห้งที่ได้อยู่ที่ 1,000 กก./ไร่)
สำหรับหุ้นที่ บล.เคทีบีเอสที ดูแลและทำเกี่ยวกับสินค้ากัญชงประกอบด้วย
กลุ่มต้นน้ำและกลางน้ำอย่าง RBF (ซื้อ/เป้า 29.00 บาท) SUN (ซื้อ/เป้า 12.00 บาท) NRF (Under Review) STA หรือบริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (ซื้อ/เป้า 48.00 บาท) GUNKUL หรือบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (ถือ/เป้า 4.50 บาท) CHAYO หรือ บริษัทชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (ซื้อ/เป้า 18.00 บาท)
กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม คือ SUN (ซื้อเป้า/12.00 บาท) SNNP (ซื้อ/เป้า 15.50 บาท) TKN หรือบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) (ขาย/เป้า 5.80 บาท) CBG (ซื้อ/เป้า 158 บาท) OSP (ถือ/เป้า 38.00 บาท) TACC หรือบริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (ซื้อ/เป้า 10.00 บาท) XO หรือบริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) (ซื้อ/เป้า 26.00 บาท) PTG หรือ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (ถือ/เป้า 18.00 บาท) CPF (Under Review ) หรือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) TU หรือบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (ซื้อ/เป้า 25.00 บาท)
กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (ใช้เกณฑ์เดียวกับกลุ่มอาหาร) ได้แก่ RS หรือบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) (ซื้อ/เป้า 22.00 บาท) JKN หรือบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) (ซื้อ/เป้า 12.50 บาท) MEGA หรือบริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) (ซื้อ/เป้า 53.00 บาท) RBF เริ่มปลูกกัญชงใน ก.ย.นี้
ส่วน RBF บล.เคทีบีเอสที ยังคงสมมติฐาน yield ที่ 3% และราคาขายที่ 200,000 บาทต่อกิโลกรัม บนพื้นที่ปลูกกว่า 500 ไร่ แม้ปัจจุบันทาง อย.ได้อนุมัติใบอนุญาตโรงสกัด 20 แห่ง แต่ บล.เคทีบีเอสที ยังคงเชื่อมั่นว่าบริษัทยังคงได้รับประโยชน์สูงสุดจากการสกัดสาร CBD รวมถึงมีฐานลูกค้ารองรับและในช่วงต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดเผยรายชื่อลูกค้ารายใหญ่อย่าง ICHI, OS และ IP ที่เซ็นสัญญาการซื้อขาย CBD รวมถึงผลผลิตกัญชง ทั้งนี้ บล.เคทีบีเอสที ยังคงกำไรปี 65 ที่ 1,450 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 238% จากปีก่อน แต่อย่างไรก็ตาม กำไรยังคงมี upside หากบริษัทสามารถสกัดสาร CBD ได้ yieldมากกว่าที่คาดไว้ที่ 3%
สำหรับ GUNKUL อยู่ระหว่างขอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบันบริษัทได้ยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างโรงงาน นำเข้าเมล็ด คาดว่าจะทยอยได้รับใบอนุญาตดังกล่าวได้แต่เดือน ต.ค.64 เป็นต้นไป ขณะที่ใบอนุญาตสกัดคาดยื่นขอในช่วงต้นปี 65 (อยู่ระหว่างเลือกเทคโนโลยี) และเริ่มผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาสแรกปี 65 โดยจะปลูกนำร่องก่อน 200 ไร่ หากสำเร็จมีโอกาสขยายไปยังเฟสต่อไปบนพื้นที่ที่บริษัทคาดสามารถพัฒนาได้อีกราว 2 พันไร่ ทั้งนี้ บล.เคทีบีเอสที ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 64-65 ที่ 2.3 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 60% จากปีก่อน และ 2.5 พันล้านบาท หรือ 9% จากปีก่อนตามลำดับ โดยยังไม่รวมธุรกิจกัญชงเข้ามาในประมาณการ ขณะที่ SNNP หนึ่งใน first mover สินค้ากัญชง SNNP มีแผนรุกธุรกิจกัญชงที่ชัดเจน ขนมขาไก่ผสมโปรตีนจากเมล็ดกัญชงจะวางจำหน่ายในไตรมาส 4 ปี 64
บล.เคทีบีเอสที เชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด นอกจากนี้ SNNP ยังได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อพัฒนาสายพันธุ์กัญชง เพื่อรองรับในส่วนธุรกิจกัญชงต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำในระยะยาว ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 64 ที่ 303 ล้านบาท โตโดดเด่นเพราะเพิ่มขึ้น 224% จากปีก่อน โดยยังไม่ได้รวมรายได้จากธุรกิจกัญชงในประมาณการธุรกิจกัญชงของ SUN ยังเดินหน้าตามแผน
สำหรับ SUN อยู่ระหว่างขอรับใบอนุญาตทำธุรกิจกัญชงตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ ซึ่งจะทำการปลูกบนพื้นที่นำร่องจำนวน 2 ไร่ แบ่งเป็น indoor 1,024 ตร.ม. และ outdoor 1-2 ไร่ งบลงทุน 10 ล้านบาท คาดได้รับใบอนุญาตปลูกภายในสิ้นปี 64 ทั้งนี้ SUN ได้เตรียมที่ดินเพื่อรองรับธุรกิจกัญชงและพืชมูลค่าสูงที่ 350 ไร่ ด้านธุรกิจโรงสกัด CBD มีแผนลงทุนสร้างโรงสกัดในปี 2022E ดังนั้นคงประมาณการกำไรปกติปี 64-65 ที่ 250 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 38% จากปีก่อน และ 328 ล้านบาท หรือ 29% จากปีก่อน ตามลำดับ จึงยังไม่รวมธุรกิจกัญชงในประมาณการ
ในส่วนกัญชงของ STA อยู่ระหว่างขอในอนุญาตปลูกโครงการนำร่อง 5 ไร่ จากเดิมคาดจะปลูก 100-150 ไร่ในปี 64 โดยคาดว่าโครงการนำร่องจะเริ่มปลูกได้ในเดือน พ.ย.64 และเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาสแรกปี 65 ดังนั้น บล.เคทีบีเอสที คงประมาณการกำไรปกติปี 64-65 ที่ 20,375 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 127% จากปีก่อน และ 12,763 ล้านบาท แต่ลดลง 37% เทียบปีก่อน ตามลำดับ บล.เคทีบีเอสที ยังไม่รวมธุรกิจกัญชงในประมาณการ Valuation/Catalyst/Risk จึงคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่ม Food & Beverage ที่ “เท่ากับตลาด” และ Top picks คือ RBF และ SNNP
สำหรับ SNNP แม้ บล.เคทีบีเอสที มองว่าผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 64 ของกลุ่มจะได้รับผลกระทบจากการระบาดรุนแรงของโควิด-19 และมีปัจจัยกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบและ packaging ที่สูง อย่างไรก็ตาม บล.เคทีบีเอสที เชื่อมั่นว่ากำไรจะฟื้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 64 หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายและเข้าสู่ high season กลุ่ม อีกทั้งยังมี upside จากธุรกิจกัญชง