KTBST ชวนลงทุนหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลก่อนปีใหม่ มีมุมมองเป็นบวก และคงน้ำหนักการลงทุนเป็น Overweight เลือก BCH เป็น Top pick ขณะที่ ASPS ประเมิน ศก.-หุ้นไทย หลังสาธารณสุขประเมินปีใหม่ยอดติดเชื้ออาจทะลุหมื่นราย มองเลวร้ายสุดอาจทำจีดีพีสะดุดแค่รายไตรมาส แต่ทั้งปี 65 ยังมั่นใจโตเกิน 3% ขณะที่กำไร บจ.คาดกระทบแค่ 5 กลุ่ม TOURISM TRANS CONS PROP และ COMM
KTBST มองบวกหุ้น รพ. คงน้ำหนักลงทุน
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST เปิดเผยว่า มีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่ม Healthcare ซึ่งหากย้อนกลับไปดูช่วงโควิด Delta ระบาดในช่วงเดือน ส.ค.64 ที่ผ่านมา การระบาดของ Delta มีผู้ติดเชื้อพุ่งไปสู่ระดับ Worst case ราว 25,000-30,000 คนต่อวัน ซึ่งใกล้เคียงกับที่กระทรวงสาธารณสุขคาดการณ์ไว้
ส่วนตัวเลขเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ได้คาดการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อ Omicron หลังเทศกาลปีใหม่ จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อแตะระดับ base case ที่ 15,000 คนต่อวัน และจำนวนผู้เสียชีวิต 100 คนต่อวัน ซึ่งจะเป็น upside ให้กำไรสุทธิปี 65 ของกลุ่มโรงพยาบาล
ดังนั้น คงน้ำหนักการลงทุนกลุ่ม Healthcare เป็น Overweight และเลือก BCH (ซื้อ/เป้า 28.00 บาท) เป็น Top pick ของกลุ่ม เนื่องจากศักยภาพมีจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยสูงที่สุดในกลุ่ม รพ.เอกชน ราว 18,000 เตียง
ASPS เชื่อปี 65 จีดีพียังโตได้ 3% เชื่อไม่มีล็อกดาวน์
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (ASPS) เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์รายวันว่า ประเด็นที่มีน้ำหนักต่อการลงทุนหุ้นไทยโค้งสุดท้ายของปี ในต่างประเทศยังไม่มีอะไรใหม่อย่างมีนัย ส่วนประเด็นในประเทศน้ำหนักยังคงเป็นสถานการณ์โควิด-19 หลังจากสายพันธุ์โอมิครอนระบาดเข้าไทยและมีแนวโน้มแพร่กระจายเร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆ สะท้อนจากเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.64 รายงานผู้ติดเชื้อโอมิครอนสะสมอยู่ที่ 514 ราย เพิ่มขึ้น 33% จากวันก่อนหน้า และข้อมูลคาดการณ์จากหมอศิริราชที่ออกมาช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ประเมินคาดโอมิครอนแพร่กระจาย 50-60% ในกรุงเทพมหานคร ช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.65 สอดคล้องกับเมื่อวานนี้ กระทรวงสาธารณสุขเผยฉากทัศน์คาดการณ์สถานการณ์โควิด-19 ไทยในปี 65 หลังเทศกาลปีใหม่ ในช่วงโอมิครอนระบาด ดังนี้
กรณีดีสุด Best case : หากลดกิจกรรมการรวมกลุ่ม ผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นวันละ 1-1.3 หมื่นรายต่อวัน ส่วนผู้เสียชีวิตอยู่ในช่วง 20-50 รายต่อวัน
กรณี Base Case ผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นวันละ 1.5 หมื่นรายต่อวัน ส่วนผู้เสียชีวิตอยู่ในช่วง 80-100 รายต่อวัน
กรณีเลวร้าย ผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นสูงสุด 2.5-3 หมื่นรายต่อวัน ส่วนผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นสูงสุด 180 รายต่อวัน
ทำให้กระทรวงสาธารณสุขปรับการประกาศแจ้งการเตือนภัยและมาตรการควบคุมป้องกันโรคด้านสาธารณสุขเป็นระดับ 3 เช่น สถานที่เสี่ยง สั่งให้ปิด งดเข้าสถานที่ปิด จากทั้งหมด 5 ระดับ เพื่อป้องกันการระบาด
ทั้งนี้ ASPS ให้น้ำหนักจำนวนผู้ติดเชื้อหลังปีใหม่ หากออกมาไม่เกิน 1.5 หมื่นราย หรือเท่ากับ Base case ที่สาธารณสุขคาดการณ์ไว้ เชื่อว่าจะยังไม่น่าเห็นการคุมกิจกรรมเศรษฐกิจแบบเข้มงวดเหมือนในอดีต อย่างไรก็ตาม กรณีมีการคุมเข้มกิจกรรรมเศรษฐกิจฝ่ายวิจัย ASPS ประเมิน Downside ต่อปัจจัยพื้นฐานคาดจะไม่กระทบมากเหมือนในปี 2563 ที่มีการ Lockdown แบบเข้มงวด แบ่งเป็น
เศรษฐกิจไทยปี 65 โดย ASPS คาด GDP Growth ไทยขยายตัว 3.5%yoy ส่วน Consensus ส่วนใหญ่ค่าเฉลี่ยค่าเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 3.9% กรณีคุมเข้มกิจกรรมเศรษฐกิจ ประเมินไม่น่าจะเปิด Downside ต่อ GDP Growth ปี 65 มากนัก โดยน่าจะเป็นการดำเนินงานในบางพื้นที่ หรือบางกลุ่มธุรกิจ และคาดจะไม่รุนแรงเหมือนในงวด Q2/63 ที่ GDP หดตัวแรง 12.1%yoy ประเมินผลกระทบน่าจะใกล้เคียงกับ งวด Q3/64 (-1.1% QoQ และ -0.3% YoY) โดยรวมทำให้คาดการณ์ทั้งปี 65 คาดจะยังเติบโตในระดับ 3% ขึ้นไป
คาดมี บจ. 5 กลุ่มที่ได้ผลกระทบ เลือก CPF INSET KBANK เป็น Toppick
ASPS ประเมินผลกระทบด้านกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 65 หากเปรียบเทียบกำไรบริษัทจดทะเบียนรายไตรมาสทั้ง 2 รอบที่โดนผลกระทบโควิด จะเห็นได้ว่า Sector ที่โดนผลกระทบลดลงอย่างชัดเจนจากการปรับตัวรายบริษัท และแผนการรองรับของรัฐบาล โดยการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ Delta ในเดือน ก.ค.-ส.ค.64 ส่งผลกระทบ 2 เดือนเต็ม
อย่างไรก็ตาม Sector ที่โดนผลกระทบหนักนั้นมีเพียง 5 Sector โดยขาดทุน 3 Sector ได้แก่ TOURISM TRANS CONS (4.1% ของกำไรปกติ) ขณะที่ PROP -40%YoY COMM -45%YoY (12.7% ของกำไรบริษัทจดทะเบียน) เป็นต้น สรุปคือในมุมภาพรวมกำไรบริษัทจดทะเบียนเมื่อเทียบกับข้อมูลช่วงที่เผชิญกับสายพันธ์เดลตา มีบาง Sector ที่กระทบมาก และไม่ได้กินสัดส่วนเยอะเมื่อเทียบกับกำไรทั้งหมด
สำหรับกลยุทธ์เลือก Sector คาดไม่โดนผลกระทบจากประเด็นดังกล่าว และคาดกำไรเติบโตในปีหน้าอย่าง CPF INSET KBANK เป็น Toppick