ปฏิบัติการขุดรากถอนโคนคริปโตของจีนต่อยอดลามถึง NFT และเมตาเวิร์ส แบงก์ชาติประกาศชัดเสี่ยงสูงเป็นเครื่องมือให้มิจฉาชีพฟอกเงิน
ช่วง 2-3 ปีมานี้ ปักกิ่งลุยปราบปรามกิจกรรมมากมายที่เกี่ยวพันกับคริปโต ส่งผลให้จีนสูญตำแหน่งประเทศคริปโตเบอร์หนึ่งของโลก
ล่าสุด ปักกิ่งกำลังเล็งออกกฎเข้มงวดในเซ็กเมนต์ใหม่ที่เร้าใจกว่าเดิม นั่นคือเมตาเวิร์สและ NFT (non fungible token)
ในงานประชุมสุดยอดความปลอดภัยทางการเงินแห่งชาติเมื่อเร็วๆ นี้ กู่ เหวินจวิ้น ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการฟอกเงินของธนาคารประชาชนจีน (PBoC) หรือแบงก์ชาติจีน ชี้ความเสี่ยงในการปล่อยปละละเลยไม่ควบคุมเทรนด์ใหม่ของระบบนิเวศคริปโตอย่าง NFT และเมตาเวิร์ส โดยอธิบายว่า แม้คนมากมายอาจใช้สินทรัพย์เสมือนเพื่อเป้าหมายด้านความเป็นส่วนตัวและความมั่งคั่ง แต่มีแนวโน้มว่า สินทรัพย์เหล่านี้อาจถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ผิดกฎหมาย เช่น การฟอกเงินและการเลี่ยงภาษีได้เช่นกัน
กู่เพิ่มเติมว่า นวัตกรรมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในโลกคริปโตจำเป็นต้องมีข้อกำหนดเข้มงวดขึ้นในแง่การกำกับดูแลและควบคุมความเสี่ยง เนื่องจากลักษณะที่แปลกแยกจากโลกจริงของสินทรัพย์คริปโต NFT และเมตาเวิร์สอาจถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือฟอกเงิน
ดังนั้น เขาจึงเสนอให้มีการชี้แจงความรับผิดชอบในการกำกับดูแลของศูนย์ปราบปรามการฟอกเงิน ปรับปรุงความโปร่งใสของสินทรัพย์เสมือน และสำรวจการใช้ Supervisory Sandbox เพื่อศึกษาและพิจารณาสาระสำคัญและลักษณะของสินทรัพย์เสมือนในสภาวะแวดล้อมที่มีการควบคุม
ส่วนในขั้นตอนที่สองนั้น กู่แนะนำให้จีนยกระดับการติดตามตรวจสอบและวิเคราะห์การทำธุรกรรมสินทรัพย์เสมือน โดยธนาคารและผู้ให้บริการการชำระเงินที่นำเสนอเกตเวย์สำหรับการแลกเปลี่ยนเงินจริงกับคริปโตควรกำหนดให้ผู้รับและผู้ส่งต้องยืนยันตัวตนด้วยชื่อจริง ควบคู่กับการปรับปรุงความสามารถในการระบุกิจกรรมต้องสงสัย
ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการฟอกเงินของ PBoC ยังแนะนำให้ปรับปรุงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ และการพัฒนาความสามารถในการติดตามการทำธุรกรรมสินทรัพย์เสมือนและระบบติดตามสถานการณ์ โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) การเรียนรู้ของเครื่อง และเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อระบุบัญชีที่ทำธุรกรรมกับที่อยู่ที่ได้รับการตรวจสอบเช่นเดียวกัน
สุดท้าย กู่สนับสนุนให้ปรับปรุงการร่วมมือระหว่างหน่วยงานข่าวกรองทางการเงินทั่วโลกเพื่อจัดตั้งปฏิบัติการร่วมระหว่างประเทศเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมเกี่ยวกับคริปโต และสำทับว่า ศูนย์ปราบปรามการฟอกเงินจะยังคงแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและร่วมมือในการสอบสวนกับหน่วยงานข่าวกรองทางการเงิน 60 แห่งทั่วโลกต่อไป
นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า ขณะนี้ทางการจีนได้ลงมือจัดการ NFT แล้ว ด้วยการกำชับเหล่าบิ๊กเทคที่มีแผนออกคอลเล็กชัน NFT ล็อตใหญ่บนบล็อกเชนส่วนตัวให้ลดการโหมกระแสการเก็งกำไรลง
ช่วงหลายเดือนก่อนหน้านี้ จีนกวาดล้างกิจกรรมเกี่ยวกับคริปโตหนักหน่วง โดยประกาศแบนการทำเหมืองขุดเหรียญ บีบให้บริษัทมากมายที่ทำเหมืองคริปโตต้องย้ายออกนอกประเทศ
แม้แต่อาลีบาบา แพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ยังถูกบังคับให้หยุดขายฮาร์ดแวร์สำหรับขุดคริปโต ขณะที่บิตเมนเผยว่า จะไม่ส่งเครื่องขุดเหรียญไปจีนอีกต่อไป
เดือนกันยายนที่ผ่านมา คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) เผยว่า จะลุยกวาดล้างเหมืองคริปโตต่อ ปักกิ่งยังแบนเว็บไซต์คริปโตจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงแพลตฟอร์มข้อมูลยอดนิยมอย่างคอยน์มาร์เก็ตแคปและคอยน์เก็กโค อย่างไรก็ตาม มีเว็บไซต์คริปโตบางแห่งที่ผู้ใช้ในจีนยังเข้าถึงได้
มาตรการคุมเข้มครั้งใหม่ของจีนมีขึ้นขณะที่การค้นหาหัวข้อเกี่ยวกับ NFT ในกูเกิลทำสถิติสูงสุด ท่ามกลางแนวโน้มที่อุตสาหกรรมนี้จะยังเติบโตได้ต่อ