บล. โกลเบล็ก ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ Sideway รับแรงเก็งกำไรหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าจากการขึ้นค่า FT หนุนผลงานสดใส และกลุ่มสื่อสารจากการผนึกกำลังทางธุรกิจระหว่าง TRUE-DTAC และการคาดการณ์ GDP ของไทยจะฟื้นตัวกลับสู่ฐานเดิมก่อนเกิดโควิด-19 ได้ในปี 66 จึงให้กรอบดัชนี 1,620-1,670 จุด พร้อมแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ชู EA-SSP-GPSC-BGRIM เด่น
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นในไทยสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มแกว่งตัวออกข้างในลักษณะ Sideway โดยมีแรงหนุนจากจากแรงเก็งกำไรหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าจากค่า FT ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และกลุ่มสื่อสาร (ICT) จากการผนึกกำลังทางธุรกิจระหว่าง TRUE-DTAC เป็นตัวหนุนตลาด และการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ มองตัวเลข GDP ของไทยจะฟื้นตัวกลับสู่ฐานเดิมก่อนเกิดโควิด-19 ได้ในปี 66 จากฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศ หลังจากกระทรวงสาธารณสุขเดินหน้าบริหารจัดการฉีดวัคซีนต่อเนื่อง โดยจัดสัปดาห์ฉีดวัคซีนโควิด-19 สู่เป้า 100 ล้านโดสในช่วง 27 พ.ย.-5 ธ.ค.64 อย่างต่อเนื่อง จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,620-1,670 จุด
ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยหนุนจากต่างประเทศที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทย เช่น นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ได้เรียกร้องให้รัฐบาลผ่อนคลายข้อจำกัดด้านโควิด-19 เนื่องจากปัจจุบันอัตราการฉีดวัคซีนในประเทศมีความครอบคลุมเพิ่มมากขึ้น ส่วนนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เตรียมอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งครอบคลุมถึงการใช้จ่ายด้านการคลังสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 55.7 ล้านล้านเยน (4.90 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อซึ่งเกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) จะคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ทั้งประเภท 1 ปีและ 5 ปี โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมความเสี่ยงในภาคอสังหาริมทรัพย์ ด้านสมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งประเทศจีน (CAAM) เปิดเผยการคาดการณ์ว่า จีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกจะมีจำนวนรถยนต์จดทะเบียนมากกว่า 300 ล้านคัน ภายในสิ้นปี 2565
ส่วนปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาในช่วงนี้ เช่น สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย ส่วนปัจจัยต่างประเทศ เช่น ธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR สหรัฐฯ รายงานดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือน ต.ค.จากเฟดชิคาโก ยอดขายบ้านมือสองเดือน ต.ค. อียูรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือน พ.ย.จากมาร์กิต สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือน พ.ย.จากมาร์กิต สหรัฐฯ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ต.ค. GDP 3Q64 (ประมาณการครั้งที่ 2) ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน ต.ค. สต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์จาก EIA และ FOMC เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 2-3 พ.ย.ในเช้าวันที่ 25 พ.ย.
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ได้แก่ EA, SSP, GPSC และ BGRIM เหตุผล ประเด็นปรับขึ้นค่า Ft จะเป็นตัวหนุนต่ออัตราการทำกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้น
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินแนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้ว่ายังคงต้องจับตาตัวเลขเศรษฐกิจอย่างดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และเงินเฟ้อเดือนตุลาคม ล้วนเป็นปัจจัยที่สำคัญเนื่องจากตลาดจับตาเงินเฟ้อ เพราะปัญหา supply shortages เป็นตัวเร่งให้เงินเฟ้อยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อไปได้ ฉะนั้นเมื่อตลาดรับข่าวการปรับลดวงเงิน QE ไปบ้างแล้ว ทองคำย่อตัวลงไม่มากนัก อีกทั้งเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มเร่งตัวในระยะถัดไป ซึ่งทองคำในฐานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและสามารถป้องกันความเสี่ยงดอลลาร์ที่อ่อนค่า ฝ่ายวิจัยคาดราคาทองคำเคลื่อนไหว Sideway up โดยประเมินกรอบในสัปดาห์นี้ 1,770-1,815 $/Oz แนะนำให้หาจังหวะ Long เมื่อราคาอ่อนตัวลงใกล้แนวรับ