Ripple ผู้ให้บริการโซลูชั่นบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล ระดับองค์กร เปิดเผยตัวอย่างผลิตภัณฑ์ทดสอบ Ripple Liquidity Hub ซึ่งเป็นโซลูชันใหม่สำหรับลูกค้าองค์กร โดยเตรียมจะเปิดให้บริการในปี 2565 Ripple Liquidity Hub จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินทรัพย์คริปโต ได้อย่างราบรื่นจากแหล่งต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงผู้ดูแลสภาพคล่อง การซื้อขายบนกระดานแลกเปลี่ยน การซื้อขาย นอกกระดาน (OTC Desk) และแหล่งซื้อขายแบบกระจายศูนย์ในอนาคต
Ripple เปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะรองรับการบูรณาการ แบบเบ็ดเสร็จ และการกำหนดเส้นทางคำสั่งซื้อที่ชาญฉลาดเพื่อจัดหาสินทรัพย์ดิจิทัลในราคาที่เหมาะสม ทำให้ลูกค้า สามารถซื้อ ขาย และถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างง่ายดาย โดยเมื่อแพลตฟอร์มเปิดให้พร้อมใช้งานจะรองรับสกุลเงินดิจิทัล BTC, ETH, LTC, ETC, BCH และ XRP (ความพร้อมใช้ งานจะแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศ) โดยมีแผนที่จะขยายไปยังสินทรัพย์ที่เป็นโทเค็นมากขึ้นในอนาคต Ripple มีแผนที่จะเพิ่มคุณสมบัติอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การสนับสนุนฟังก์ชันการค้ำประกันธุรกรรม (staking) และการสร้าง ผลตอบแทน (yield farming)
อย่างไรก็ตามเป็นเวลาเกือบสองปีที่ Ripple ได้ใช้ประโยชน์จาก Liquidity Hub สำหรับการจัดการสภาพคล่องภายใน โดยเป็น ส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ On-Demand Liquidity (ODL) ซึ่งขับเคลื่อนธุรกรรมนับล้านรายการมูลค่าหลายพันล้าน ดอลลาร์ ตอนนี้ Ripple จะทำให้ผลิตภัณฑ์นี้พร้อมใช้งานสำหรับลูกค้าหลายร้อยรายทั่วโลก รวมถึงสถาบันการเงิน ธนาคาร ฟินเทค หรือบริษัทต่างๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือ ในการเตรียมพร้อมสำหรับโลกในวันข้างหน้าที่ผู้คน จะให้ความสำคัญกับสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นลำดับแรก (crypto-first) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ขณะที่แอชชีช เบอร์ลา (Asheesh Birla) ผู้จัดการทั่วไปของ RippleNet กล่าวว่า “เราเข้าใจถึงความจำเป็นที่ตลาด ต้องการโซลูชั่นในการจัดการสภาพคล่องที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ และด้วยเหตุนี้เราได้รับคำขอจากลูกค้าที่ต้องการ โซลูชันที่สามารถให้บริการแบบครบวงจรในการซื้อ ขาย และถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล ด้วยความเข้าใจในสินทรัพย์ดิจิทัลระดับ DNA บวกกับประวัติการทำงานอันยาวนานกับสถาบันการเงินต่างๆ ทั่วโลก ทำให้เราอยู่ในตำแหน่งที่หาคู่แข่งเทียบได้ยากในการแก้ไขปัญหานี้สำหรับลูกค้าของเรา ในขณะที่พวกเขาเตรียมพร้อม สำหรับอนาคตในการรวมคริปโตเข้ากับธุรกิจของเขา”
Liquidity Hub ต่างจากโซลูชันที่มีอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นระบบที่ออกแบบมาสำหรับลูกค้าองค์กรและตอบโจทย์ ความต้องการเฉพาะของพวกเขา
การเริ่มต้นใช้งานที่ง่ายดาย: นำเสนอบริการ API ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพสำหรับการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัล จากแหล่งสภาพคล่องที่หลากหลาย ทำให้องค์กรสามารถเชื่อมต่อกับ Liquidity Hub ได้อย่างง่ายดาย และเริ่มให้บริการซื้อขายแก่ลูกค้า ช่วยสร้างแหล่งรายได้ใหม่ให้กับพวกเขา
Optimized pricing: ให้ราคามวลรวมที่ดีที่สุด (aggregated pricing) สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่หลากหลาย ทำให้องค์กรสามารถนำเสนอราคาดีที่สุดแก่ลูกค้าจากแหล่งสภาพคล่องที่หลากหลาย
การเข้าถึงเงินทุน: องค์กรไม่จำเป็นต้อง pre-fund ในการใช้แพลตฟอร์ม Liquidity Hub และสามารถ เข้าถึงเงินทุนหมุนเวียนผ่าน Ripple เพื่อเป็นทุนในการดำเนินธุรกิจ
พันธมิตรรายแรกของ Ripple สำหรับผลิตภัณฑ์รุ่นทดสอบคือ Coinme ซึ่งเป็นเครือข่ายเงินสด/สกุลเงินดิจิทัล ที่ได้รับใบอนุญาตรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยมีสถานที่ตั้งหลายพันแห่งทั่วประเทศ ในขั้นต้น Coinme จะใช้ แพลตฟอร์มเทคโนโลยีพื้นฐานของ Liquidity Hub โดยมีแผนที่จะปลดล็อกฟังก์ชันเพิ่มเติมเมื่อฟังก์ชันเหล่านั้น พร้อมใช้งาน
“Coinme ให้การเข้าถึงที่สะดวกและง่ายดายในการแลกเปลี่ยนเงินสดเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล การจัดการเครือข่ายที่ กว้างขวางนี้ต้องการการเข้าถึงสภาพคล่องตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ดังนั้นเราจึงสามารถให้ราคาดีที่สุดแก่ลูกค้าของเรา สำหรับสินทรัพย์ที่หลากหลาย เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรกับ Ripple เพื่อนำประโยชน์เหล่านี้มาสู่ลูกค้าและ ธุรกิจของเรา” นีล เบอร์ควิสต์ (Neil Bergquist) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Coinme กล่าว
Ripple เป็นบริษัทระดับองค์กรแห่งแรกที่ใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อจัดการกับความท้าทายในระบบ การชำระเงินข้ามพรมแดนมูลค่านับล้านล้านดอลลาร์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Ripple ได้ขยายจากเครือข่ายการชำระเงิน ข้ามพรมแดนไปยังแพลตฟอร์มที่ให้บริการโทเค็น ที่จะนำความสามารถของสินทรัพย์ดิจิทัลมาสู่องค์กร และเตรียม ความพร้อมสำหรับอนาคตที่สินทรัพย์ดิจิทัลจะนำหน้าและเป็นศูนย์กลางสภาพคล่อง มีบทบาทสำคัญและเป็น รากฐานของประสบการณ์ในสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งในอนาคต ลูกค้าทุกคนจะเข้าร่วม RippleNet ด้วยบริการพื้นฐานเดียวกัน และกระเป๋าเงินที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ ทั้งสกุลเงินดิจิทัลและสกุลเงินทั่วไปด้วยการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากโซลูชันที่ใช้เทคโนโลยี บล็อกเชนล่าสุด ซึ่งทำให้พวกเขาล้ำหน้าอยู่เสมอ แพลตฟอร์มนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สามารถอัปเกรดและเพิ่ม บริการใหม่ๆ ได้อย่างราบรื่นตามที่ลูกค้าต้องการ ลูกค้าจะสามารถใช้กระเป๋าเงินที่เปิดใช้งานด้วยบริการของ Ripple เพื่อดูแลการถือครองทุกเหรียญที่เป็นโทเค็นได้
RippleNet เพิ่งเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่ดีที่สุดจนถึงปัจจุบัน โดยประกาศว่ามีตลาดมากกว่า 20 แห่ง ที่พร้อมให้บริการสำหรับ On-Demand Liquidity (ODL) รวมถึงการเปิดตัวระบบผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ในญี่ปุ่น และตะวันออกกลาง และการเติบโตมากกว่า 25 เท่าสำหรับการทำธุรกรรมระหว่างประเทศภายในเครือข่าย
ทั้งนี้การเปิดตัว Liquidity Hub อยู่ระหว่างรอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องและข้อกำหนดอื่นๆ โดยความพร้อมใช้งานจะแตกต่าง กันไปตามการบังคับใช้กฎหมายของแต่ละภูมิภาค