บมจ. อุบล ไบโอ เอทานอล หรือ UBE ผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจร เผยผลงานไตรมาส 3/2564 มีกำไรสุทธิ 97.35 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุด เติบโตที่ 41.7% QoQ ดันผลงานงวด 9 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 204.00 ล้านบาท เติบโต 200.16% YoY มุ่งเน้นการขายสินค้าที่มีมูลค่าสูง พร้อมรับผลดีจากปริมาณการขายเอทานอลเกรดอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น คาดทั้งปีมีปริมาณขายเอทานอลเพิ่มเป็น 130 ล้านลิตร มั่นใจเป้าหมายรายได้ปี 64 เติบโตไม่ต่ำกว่า 30%
นายเดชพนต์ เลิศสุวรรณโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ UBE ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมันสำปะหลังรายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2564 มีกำไรสุทธิ 97.35 ล้านบาท เติบโต 41.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 68.71 ล้านบาท ถือเป็นการทำสถิติสูงสุดรายไตรมาส ขณะที่รายได้จากการขายรวมทำได้ 2,087.31 ล้านบาท เติบโต 15.06% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้ 1,814.15 ล้านบาท ถือเป็นการเติบโตที่โดดเด่นจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ 1. ปริมาณการขายเอทานอลเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการจำหน่ายเอทานอลเกรดอุตสาหกรรมที่มีความต้องการสูงขึ้นในไตรมาส 3/64 ตามการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้กำไรสุทธิโดยรวมของกลุ่มดีขึ้น และ 2. มีการผลิตและส่งออกแป้งมันสำปะหลังสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน
ความสำเร็จดังกล่าว ส่งผลทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้มีจากการขายรวม 5,033.42 ล้านบาท เติบโต 56.76% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 3,210.84 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิทำได้ 204.00 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้วทั้งปี ซึ่งอยู่ที่ 99.33 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นการขายสินค้าที่มีมูลค่าสูง ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตอย่างโดดเด่น ปัจจุบัน มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเอทานอล 63% ธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง 30% และที่เหลือเป็นธุรกิจเกษตรอินทรีย์
ส่วนไตรมาส 4/64 ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง จากเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงที่ได้แรงหนุนจากการเปิดเมือง ส่งผลให้มีความต้องการใช้แก็สโซฮอล์เพิ่มขึ้น และยอดจำหน่ายแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิคที่เข้าสู่ช่วงฤดูกาล คาดแนวโน้มทั้งปี 2564 บริษัทฯ จะมีปริมาณขายเอทานอลเพิ่มเป็น 130 ล้านลิตร โดยคาดการณ์ปริมาณขายเอทานอลอุตสาหกรรม (Industrial Grade Alcohol) เติบโตกว่าสองเท่าของปริมาณการขายทั้งปี 2563 หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ความต้องการเพิ่มขึ้น เนื่องจากนำมาใช้ผลิตผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ (Alcohol-based Sanitizer) ภายใต้แบรนด์ "UBON BIO" และ "KLAR"
“ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/64 และงวด 9 เดือนแรกของปี 64 ถือว่าเราทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะกำไรสุทธิที่ทำนิวไฮต่อเนื่อง ตอกย้ำเป้าหมายการสร้างผลงานที่เติบโตอย่างยั่งยืน หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งทุกกลุ่มธุรกิจเติบโตโดดเด่น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจแป้งมันสำปะหลังยอดส่งออกเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มผู้บริโภคหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ใส่ใจในการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิคมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 22,000 ตันในปี 2563 และเพิ่มเป็น 31,308 ตันในงวด 9 เดือนแรกของปีนี้” นายเดชพนต์ กล่าว
กรรมการผู้จัดการใหญ่ หรือ UBE กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มั่นใจเป้าหมายรายได้ปี 2564 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% เมื่อเทียบปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,434.45 ล้านบาท ซึ่งนอกเหนือจากการเป็น “Well-Integrated Tapioca Player” หรือ ผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง โดยใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบผลิตทั้งเอทานอลและแป้งมันสำปะหลังแล้ว บริษัทฯ ไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาสินค้าทางการเกษตรอินทรีย์ชนิดอื่นๆที่มีมูลค่าสูง (High Value Product หรือ HVP) ซึ่งมีศักยภาพการจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ด้วย ถือเป็นกลุ่มสินค้ามูลค่าสูง และจะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน โดยที่ผ่านมา UBE ได้เริ่มเข้าไปดำเนินการปลูก “กาแฟออร์แกนิคแท้ 100%” ที่สาละวัน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ในพื้นที่เริ่มต้น 700 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะได้ผลผลิตเริ่มต้นประมาณ 200-300 ตัน และจะเริ่มสร้างรายได้ในปีหน้า
นอกจากนี้ เงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทฯ ได้นำเงินบางส่วนชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินราว 2,000 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงอยู่ที่ 0.5 เท่า พร้อมกันนี้ อยู่ระหว่างเตรียมลงทุนโครงการเพิ่มกำลังผลิตฟลาวภายในไตรมาส 1/2565