xs
xsm
sm
md
lg

กลุ่มโรงไฟฟ้ากดดัน หุ้นไทยร่วง -0.09 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นกลุ่มพลังงานกดดันดัชนี SET INDEX ปรับตัวลบ -0.09 จุด โบรก ฯ ชี้ประกาศงบการเงินหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าบาง บจ. ผลประกอบการต่ำกว่าคาด กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน โดยเฉพาะหากใช้เกณฑ์ Cash Balance มาคำนวน อาจเขี่ย DELTA มีโอกาสที่จะถูกถอดออกจาก SET50 และ SET100 พร้อมประเมินกรอบดัชนี ฯ พรุ่งนี้โดยแนวรับที่ 1,610-1,600 จุด ส่วนแนวต้าน 1,630-1,640 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ทันทีที่เปิดตลาดดัชนีปรับตัวลดลง -0.09 จุด หรือ -0.01% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 86,639.98 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีแกว่งตัวสลับขึ้นลงทั้งแดนบวกและลบตลอดทั้งวัน โดยปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,635.62 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,621.35 จุด

ขณะที่ในส่วนของหลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวันนี้โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจำนวน 740 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 465 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง 1,057 หลักทรัพย์

ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า 2,764.79 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -2,208.16 ล้านบาท บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -365.48 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -191.15 ล้านบาท

แบ่งเป็นการซื้อขายตามกลุ่มนักลงทุนดังนี้สถาบันขายสุทธิ -191.15 ล้าน บาท บัญชี บล. ขายสุทธิ-365.48 ล้านบาท ต่างประเทศซื้อสุทธิ2,764.79 ล้านบาท และในประเทศขายสุทธิ -2,208.16 ล้านบาท หุ้น 5 อันดับแรกที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 5,527.34 ล้านบาท ปิดที่ 149.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
2.GUNKUL มูลค่าการซื้อขาย 4,786.23 ล้านบาท ปิดที่ 4.74 บาท ลดลง 0.66 บาท
3.AOT มูลค่าการซื้อขาย 4,712.94 ล้านบาท ปิดที่ 67.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท
4.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 3,257.62 ล้านบาท ปิดที่ 391.00 บาท ลดลง 61.00 บาท
5.GPSC มูลค่าการซื้อขาย 3,215.97 ล้านบาท ปิดที่ 76.00 บาท ลดลง 2.50 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด ได้แก่
1.BH ปิดที่ 152.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาทหรือ 2.35 %
2.JMT (XA) ปิดที่ 52.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาทหรือ 5.53%
3.SINGER ปิดที่ 43.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาทหรือ 6.17%
4.AOT ปิดที่ 67.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาทหรือ 3.44%
5.JMART ปิดที่ 42.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาทหรือ 4.91%
6.PTTEP ปิดที่ 119.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาทหรือ 1.28%

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.DELTA ปิดที่ 391.00 บาท ลดลง 61.00 บาท หรือ 13.50%
2.KCE ปิดที่ 85.25 บาท ลดลง 3.75 บาทหรือ 4.21%
3.GPSC ปิดที่ 76.00 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 3.18%
4.CBG ปิดที่ 122.50บาท ลดลง 2.50 บาทหรือ 2.00%
5.STGT ปิดที่ 26.50 บาท ลดลง 1.25 บาทหรือ 4.50%

ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,230.65 จุด เพิ่มขึ้น 1.39 จุด หรือ 0.06% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 980.22 จุด เพิ่มขึ้น 0.19 จุด หรือ 0.02% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 543.82 จุด ลดลง -3.38 จุด หรือ -0.62%

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ผันผวนในกรอบแคบ โดยช่วงเช้าดัชนี ฯ ปรับตัวขึ้นได้ในระดับหนึ่งก่อนเจอแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และหุ้น DELTA เป็นหลัก โดยกลุ่มโรงไฟฟ้ามีบางบริษัทงบฯออกมาต่ำกว่าคาดสร้างความกังวลให้กับนักลงทุน ส่วนหุ้น DELTA กดตลาดลงเกือบ 6 จุด จากแรงกดดันจากตลาดหลักทรัพย์จะปรับเกณฑ์การคำนวณดัชนีโดยใช้ Cash Balance เข้ามาพิจารณาด้วย ซึ่งอาจทำให้ DELTA มีโอกาสที่จะถูกถอดออกจาก SET50 และ SET100

อย่างไรก็ดี ภาพรวมตลาดยังได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มเปิดเมือง, หุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดขึ้นตามราคาน้ำมันพุ่ง และหุ้นในกลุ่มแบงก์ก็ถือว่ายังดีอยู่ ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ เช่นเดียวกับตลาดยุโรปเทรดบ่ายนี้ที่แกว่งบวก-ลบ โดยสัปดาห์นี้ให้รอติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 10 พ.ย., การปรับน้ำหนักลงทุนของ MSCI ในวันที่ 11 พ.ย., ทิศทางราคาน้ำมัน, ความคืบหน้ายาต้านโควิด-19 รวมทั้งตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐและจีน ขณะที่แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (9 พ.ย.) มองว่าดัชนีจะยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยมีแนวรับ 1,610-1,600 จุด ส่วนแนวต้าน 1,630-1,640 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น