xs
xsm
sm
md
lg

ดีเวลลอปเปอร์ดูดเงินกลุ่มกำลังซื้อสูง การันตียิลด์ลงทุนคอนโดฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ก่อนหน้านี้หลายปี การการันตีผลตอบแทน (ยิลด์)ไม่ว่าจะกี่เปอร์เซ็นต์ (%) หรือยาวนานกี่ปีก็ตาม ล้วนแล้วแต่เป็น 1 ในกลยุทธ์ทางการตลาดของผู้ประกอบการภาคอสังหาฯ ที่เข้ามาช่วยให้โครงการที่อยู่อาศัยน่าสนใจ สามารถปิดการขายได้รวดเร็วขึ้น แต่ผู้ประกอบการเลือกใช้วิธีนี้ในช่วงที่เหลือยูนิตไม่มากนัก และต้องการปิดโครงการให้เร็วที่สุด

แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน มีผู้ประกอบการหลายรายที่พัฒนาโครงการขึ้นมาสำหรับคนที่ต้องการลงทุนโดยตรงเลย โดยการประกาศเรื่องของผลตอบแทน และระยะเวลาที่ได้รับผลตอบแทน พร้อมกับการเปิดขายตั้งแต่ตอนแรกเลย

การลงทุนในคอนโดมิเนียมแบบมีการันตีผลตอบแทนไม่ใช่เรื่องใหม่ในตลาดอสังหาฯ เพียงแต่รูปแบบของการลงทุนในปัจจุบัน “มีความน่าสนใจและน่าแปลกใจในเวลาเดียวกัน” ช่วงก่อนโควิด-19 หลายโครงการคอนโดฯ แบบมีการันตีผลตอบแทนของผู้ประกอบการหลายรายในภูเก็ต มีประกันผลตอบแทนแบบสูงจนน่าตกใจ เพราะบางรายกล้าออกประกาศให้ผู้ซื้อจะได้ยิลด์ 10% ต่อปี ยาวต่อเนื่องกันเป็น 10 ปี หรือบางโครงการได้ถึง 20 ปีก็มี บางโครงการในพัทยาเองก็มีการการันตีผลตอบแทนที่สูงมากเช่นกัน แต่ไม่รุนแรงเท่ากับที่ภูเก็ต

โดยพัทยา ก่อนหน้านี้อยู่ในช่วงประมาณ 7-8% ต่อปีนาน 2-3 ปี ซึ่งผู้ประกอบการเจ้าของโครงการที่มีการการันตีผลตอบแทนจะหารายได้จากการปล่อยเช่ายูนิตของนักลงทุน แบบรายวันหรือระยะยาวบ้าง เพื่อนำรายได้ที่ได้รับมาจัดสรรเป็นผลตอบแทนคืนให้นักลงทุน แต่ส่วนใหญ่เป็นการปล่อยเช่ารายวันมากกว่า เพราะรายได้จากการปล่อยเช่ารายวันนั้นมากกว่าการปล่อยเช่ารายเดือนค่อนข้างมาก

โครงการในกลุ่มที่มีการการรันตีผลตอบแทน และบ่งบอกชัดเจนว่า มีการนำยูนิตไปปล่อยเช่ารายวันนั้น ส่วนใหญ่จะมีส่วนหนึ่งของโครงการเป็นโรงแรมที่มีแบรนด์ระดับ 3-5 ดาวเข้ามาบริหารในส่วนของโรงแรม และเป็นโครงการที่อยู่ในเมืองท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย เช่น พัทยา ภูเก็ต หัวหิน เชียงใหม่ หรือเขาใหญ่ เป็นต้น และยูนิตในส่วนของที่มีการขายแบบการันตีผลตอบแทนนั้นอาจจะมีการแยกออกมาจากคอนโดฯ โดยทั่วไปที่ขายผู้ซื้อทั่วไป เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการ อีกทั้งยังเป็นการไม่สร้างความรบกวนให้กับผู้ซื้อที่เป็นผู้ที่เข้ามาอาศัยอยู่จริงๆ อีกด้วย เพื่อจะได้ไม่เกิดข้อขัดแย้ง และนำมาซึ่งปัญหาในภายหลังในกรณีที่มีการขายแบบ 2 ประเภท ซึ่งหากทั้งโครงการขายกลุ่มของนักลงทุนโดยตรงจะไม่มีเรื่องนี้ แต่ผู้ประกอบการบางรายไม่มีการแบ่งแยกที่ชัดเจน เพราะเป็นโครงการที่อยู่ในเมืองท่องเที่ยว และผู้ซื้อบางส่วนซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่ 2 ไว้สำหรับมาพักผ่อนวันหยุด จึงไม่ต้องกังวลเรื่องของความเป็นส่วนตัว โครงการที่มีการการันตีผลตอบแทนก่อนหน้านี้ ผู้ประกอบการสามารถหารายได้มาส่งต่อให้นักลงทุนได้ตามสัญญา


การเกิดสถานการณ์โควิด-19 เป็นตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อตลาดคอนโดมิเนียมที่มีการการันตีผลตอบแทน เพราะเมื่อนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติหายไปจากเมืองท่องเที่ยวต่างๆ เกิน 90% ของจำนวนปกติ อัตราการเข้าพักโรงแรมในเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ลดลงต่ำกว่า 50% ผู้ประกอบการเจ้าของโครงการเหล่านี้ได้รับผลกระทบแน่นอน ผู้ประกอบการบางรายอาจจะสามารถหาเงินทุน มาหมุนเวียนจ่ายผลตอบแทนได้ตามสัญญา แต่มีบ้างที่ไม่สามารถหาเงินทุนมาจ่ายให้นักลงทุนได้ ซึ่งต้องมีการชี้แจง หรือในสัญญาระบุในเรื่องของการชดเชยกันยังไง ภายหลังสถานการณ์กลับมาเป็นปกติแล้ว

โครงการที่มีการการันตีผลตอบแทนที่เปิดการขายในช่วงปี พ.ศ.2563-2564 อาจจะมีผลตอบแทนที่ไม่หวือหวาหรืออยู่ในเกณฑ์ของผลตอบแทนที่สามารถเห็นได้ทั่วไปในโครงการรูปแบบนี้ คือ 6-8% ต่อปีนาน 2-3 ปี ซึ่งทางผู้ประกอบการมั่นใจว่าสามารถรับผิดชอบในส่วนนี้ได้ในช่วงเวลาที่สถานการณ์ยังไม่ปกติ

คนไทยจำนวนหนึ่งที่ต้องการหาแหล่งลงทุน ที่การันตีว่าได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนสูง และเชื่อถือได้หรือว่าได้แน่นอน ในช่วงเวลาที่การลงทุนรูปแบบต่างๆ ได้รับผลกระทบหรือว่ามีความผันผวนสูง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนหุ้น กองทุนรวม คริปโตฯ ทองคำ รวมไปถึงการประกันเงินฝากที่ลดลงเหลือเพียง 1 ล้านบาท

การลงทุนในอสังหาฯ โดยเฉพาะโครงการคอนโดฯ ที่มีการการันตีผลตอบแทนเป็น 1 ในตัวเลือกที่น่าสนใจทันที แม้ว่าการลงทุนในคอนโดฯ ที่มีการการันตีผลตอบแทนมีช่วงระยะเวลาของการได้รับผลตอบแทนจำกัดก็ตาม รวมไปถึงอาจจะมีข้อจำกัดต่างๆ ที่มาพร้อมกับเงื่อนไขจากการลงทุน เช่น วัน เวลาที่เข้าพัก ต้องตามที่ผู้ประกอบการกำหนด หรือต้องยอมรับสภาพของยูนิตและอื่นๆ รวมไปถึงในกรณีที่ไม่มีการปรับปรุงสภาพห้องให้หลังหมดสัญญา แล้วแต่ผู้ประกอบการจะระบุในสัญญา

นอกจากนี้ ยูนิตที่มีการการันตีผลตอบแทนจะมีราคาขายที่มากกว่ายูนิตทั่วไป บริษัทที่รับดูแลพอร์ตการลงทุนส่วนบุคคลหรือครอบครัวบางบริษัทมีการเข้ามาลงทุนในคอนโดฯ รูปแบบนี้ เพราะว่าได้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงในช่วงเวลาที่พวกเขาต้องการ จากนั้นเมื่อครบกำหนดสัญญาอาจจะตั้งขายเพื่อรับผลกำไร (Capital Gain) อีกครั้ง

ซึ่งผู้ประกอบการบางรายยังมีข้อเสนอจูงใจในภายหลัง โดยยินดีรับซื้อคืนเมื่อครบสัญญาในราคาที่เพิ่มขึ้นจากที่นักลงทุนซื้อมาอีก 10% ผู้ประกอบการบางรายเลือกช่วงเวลาที่กำลังซื้อค่อนข้างติดขัด จัดสรรคอนโดฯ บางส่วนที่เปิดขายไปแล้วหรือใกล้ปิดการขายมาขายในรูปแบบของการการันตีผลตอบแทน เพื่อที่ต้องการปิดการขายเร็วขึ้น หรือผู้ประกอบการบางรายเปิดขายแบบกรรมสิทธิ์ร่วม ผู้ซื้อไม่ต้องจ่ายเงินซื้อเป็นยูนิตก็มี แต่ลงทุน 1 ล้านบาทแล้วคิดเป็นสัดส่วนกรรมสิทธิ์ เพื่อจัดสรรผลตอบแทนภายหลัง โดยเฉพาะในภูเก็ต และสมุย เป็นรูปแบบที่ชาวต่างชาติสนใจ

ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนของคอนโดฯ ในแต่ละจังหวัดยังคงไม่แตกต่างจากก่อนที่จะเกิดโควิด-19 ผลตอบแทนในภูเก็ตยังคงอยู่ที่ 7-10% ต่อปีนาน 2-5 ปี แต่มีบางโครงการให้ถึง 10 ปี หรือ 20 ปีก็มี แต่จำนวนไม่มากนัก โครงการที่เปิดขายใหม่มีผลตอบแทนอยู่ในช่วง 5-7% ต่อปีนาน 2-3 ปี

จังหวัดในภาคตะวันออกหรือ EEC (ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา) มีโครงการที่เปิดขายแบบการันตีผลตอบแทนในช่วงปีที่ผ่านมาบ้าง โดยเสนอผลตอบแทนที่ 5-9% นาน 2-3 ปีบางโครงการอาจจะเสนอนานถึง 10 ปี หรือนานกว่านั้นก็มี แต่มีจำนวนไม่มากนัก จังหวัดเชียงใหม่มีบางโครงการที่ขายต่อเนื่องมาก่อนหน้านี้แล้ว ให้ผลตอบแทนที่ 6% นาน 3 ปี เขาใหญ่ อาจจะไม่มากนัก แต่มีโครงการที่มีการขายแบบการันตีผลตอบแทนโดยเสนอที่ 7% นาน 2 ปี

สมุย ในช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาแทบเป็นเมืองร้าง ยังมีบางโครงการที่ขายแบบการันตีผลตอบแทนต่อเนื่องมาจากในอดีต โดยมีผลตอบแทนที่ 7-10% นาน 2-3 ปี หัวหินและพื้นที่ใกล้เคียงก็เป็นอีกทำเลที่มีโครงการคอนโดฯ ที่มีการการันตีผลตอบแทนโดยมีการเสนอผลตอบแทนที่ 5-10% ในช่วงระเวลา 2-5 ปี บางโครงการอาจจะมีผลตอบแทนสูงถึง 10% แต่เวลาแค่ 2 ปี ซึ่งสุดท้ายแล้วขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ซื้อ

ในกรุงเทพฯ มีบางโครงการที่ขายแบบมีการันตีผลตอบแทนเช่นกัน โดยให้ผลตอบแทนที่สูงมากเช่นกัน คือ 20% แต่ระยะเวลา 2 ปีหรือ 10% ต่อปี ก่อนหน้านี้อาจจะมีอยู่ในช่วง 5-7% นาน 2-6 ปี แต่ตอนนี้แทบไม่มียูนิตเหลือขายแล้ว

   ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์
ปลุกตลาดอสังหาฯ เพื่อการลงทุน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสำรวจในเรื่องการเสนอโปรแกรมอสังหาฯ เพื่อการลงทุนนั้น (Investment Property หรือ IP) ขณะนี้มีหลายบริษัทมากระตุ้นตลาดคอนโดฯ กับรูปแบบประกันผลตอบแทนจาการลงทุน เช่น บริษัท ออริจิ้น จำกัด (มหาชน) บริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) และบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น

ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ด้วยสภาวะที่ราคาน้ำมันและเหล็กที่ถีบตัวสูงขึ้นอย่างมากในเวลาอันรวดเร็ว เป็นแรงผลักดันให้เราต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อในอนาคตอันใกล้ โดยดอกเบี้ยเงินฝากยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ถือเป็นเรื่องท้าทายต่อนักลงทุนในการบริหารความมั่งคั่งที่มีอยู่ให้สูงสุดแต่มีความเสี่ยงที่ต่ำสุด

จากที่กล่าวมาข้างต้น “ริชี่เพลซ” จึงออกโปรแกรม “Your Wealth Management” โดยนำโครงการห้องชุด Mixed use เกรด A รวม 4 ทำเลสุดยอดของกรุงเทพฯ ระดับราคา 2.59-8.9 ล้านบาท ภายใต้แคมเปญ Yield Guarantee โดยรับประกันผลตอบแทน 18-27% ใน 3-5 ปี เช่น The Rich เพลินจิต-นานา โครงการ 38 ชั้น ติดถนนสุขุมวิทซอย 3 พร้อมด้วย Lifestyle Mall ภายในอาคาร The Rich สาทร-ตากสิน โครงการสูง 23 ชั้น ใกล้สถานี BTS วงเวียนใหญ่ The Rich Triple station พระราม 9-ศรีนครินทร์ โครงการสูง 32 ชั้น ติดบันไดสถานีสายสีเหลืองและแอร์พอร์ตลิงก์เพียง 0 เมตร พร้อมด้วย Lifestyle Mall ภายในอาคาร และโครงการ Rich Park หลักสี่ โครงการสูง 15 ชั้น ติดสถานีพหลโยธิน 59 เพียง 0 เมตร พิเศษสุดด้วย Sky walk เชื่อมตรงจากสถานีเข้าสู่ตัวอาคาร พร้อมด้วย Lifestyle Mall ภายในอาคาร

ด้วยทำเลของทุกโครงการล้วนตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจ ศูนย์การค้า และสถานที่สำคัญ เช่น สุขุมวิทตอนต้น หรือติดสถานีรถไฟฟ้าสายสำคัญของกรุงเทพฯ ผู้ซื้อหรือนักลงทุน จึงมีโอกาสรับปัจจัยบวกจาก Capital gain อีก 3-5% ต่อปีอีกด้วย

นายดิฐวัฒน์ อิสสระ
CI ชูยิลด์ “ดิ อิสสระ สาทร” 20% นาน 2 ปี
คนไทยควักเงินซื้อ หนุนยอดขาย 960 ล้านบาท

นายดิฐวัฒน์ อิสสระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานสร้างสรรค์สื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI กล่าวในงาน Right Time Right Investment ยอมรับว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ไม่ดี เมื่อเจอสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ทุกคนระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยและลงทุน ส่งผลให้ยอดขายลดลง และกลุ่มที่เข้ามาซื้อส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่ซื้อเพื่อยู่อาศัยจริง เป็นสิ่งที่ดี ซึ่งคนกลุ่มนี้จะมีพฤติกรรม 2 อย่างที่เห็น คือ ซื้อแล้วย้ายมาอยู่เลย จะเลือกและซื้อโครงการที่ใกล้เสร็จหรืออาจจะเป็นแบบพร้อมอยู่ แต่กลุ่มเรียลดีมานด์ที่ยังไม่ต้องการที่อยู่เลย จะชะลอการตัดสินใจซื้อ เพราะยังมีความไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจ ประกอบกับโครงการ “ดิ อิสสระ สาทร” เพิ่งเปิดตัวและอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จปลายปี 2566

สำหรับผลสำเร็จจากการจัดงาน สามารถสร้างยอดขาย (พรีเซลส์) ไปถึง 960 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 40% ของมูลค่าโครงการที่ 2,400 ล้านบาท เกือบทั้งหมด 99% เป็นกลุ่มผู้ซื้อคนไทย ขนาดห้องที่ได้รับความนิยม 1 bed plus ขนาด 37.21 ตร.ม.ราคาอยู่ที่ 8 ล้านบาท และขนาด 2 ห้องนอนธรรมดาเริ่ม 59.67-107.88 ตร.ม.ราคาอยู่ที่ 12.8 ล้านบาท (ราคาที่ยังไม่รวมส่วนลด โดยโปรโมชันดังกล่าวจะมีไปถึงวันที่ 30 พ.ย.นี้เท่านั้น)


“ในช่วงนี้ทางโครงการได้มีการจัดโปรโมชันพิเศษและราคาที่ดีที่สุดออกมากระตุ้นยอดขาย กับเรื่องประกันผลตอบแทน (การันตี) ให้ 20% ตลอด 2 ปี ช่วงเวลานึ้จึงเป็น Right Time Right Investment สำหรับนักลงทุน เพราะที่ดินในโลเกชันสาทร หายาก และตลาดอสังหาฯ ถึงจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาส 3 ของปี 64 ที่ผ่านมา”

อย่างไรก็ดี ตนวิเคราะห์ว่าแม้ภาพรวมตลาดอสังหาฯ จะถูกมองว่าโอเวอร์ซัปพลาย แต่มองเป็นรายทำเล จะเห็นได้ว่าพื้นที่รอบนอก มีซัปพลายเหลือค่อนข้างเยอะ ต่างจากโลเกชันที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ อย่างเช่น สุขุมวิท อัตราดูดซับยังดีอยู่ เนื่องจากในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ไม่ค่อยมีซัปพลายใหม่เข้ามาเติม ยิ่งเกิดโควิด-19 ธนาคารเข้มในการปล่อยสินเชื่อโครงการ ทำให้การเปิดตัวโครงการใหม่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เกิดขึ้นน้อย นั่นจะสะท้อนให้เห็นว่า ดีมานด์จากนี้เมื่อเทียบกับซัปพลายที่มีน้อย ราคาคอนโดมิเนียมที่มีจะปรับตัวสูงขึ้น

นายสิริพงศ์ ศรีสว่างวงศ์
ขณะที่บริษัท ออริจิ้นฯ เน้นโครงการระดับลักชัวรี ที่การันตีผลตอบแทนให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนต่อเนื่องในระยะยาว และมีการบริหารจัดการผู้เช่าจาก Hampton Hotel & Residence Management แบรนด์ระดับ 5 ดาว ในเครือออริจิ้นบน 4 ทำเลจตุรเทพ ได้แก่ Hampton Residence Next To Emporium, Hampton Deluxe Ocean Sriracha, The Hampton Suites Rayong และ Knightsbridge Samutprakan City Managed by Hampton ที่จะมาเสริมสร้างอำนาจ บารมี ความมั่งคั่ง และโชคลาภให้ชีวิต พร้อมรับผลตอบเเทน 5-9% ต่อเนื่องนานสูงสุด 20 ปี

คลายล็อก LTV คอนโดฯ ใหม่ไม่ได้รับอานิสงส์

โดย นายสิริพงศ์ ศรีสว่างวงศ์ Head of ORIGIN Investment Property Program เผยว่า ภาพใหญ่ที่บริษัทออริจิ้นฯ มองต่อภาคอสังหาฯ ว่า ตลาดคอนโดฯ ทรุดตัวมานาน หลังจากที่มีการประกาศใช้มาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) และต่อเนื่องด้วย การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ตลาดคอนโดฯ หดตัวหมด แต่ในภาวะหดตัวยังมีข้อดี คือ ในความเห็นส่วนตัว ผมวิเคราะห์ว่า ช่วยให้หนี้นอกระบบเข้าสู่ระบบ และกระตุ้นให้เอสเอ็มอีเข้ามาปรับโครงสร้างทางการเงิน (รีไฟแนนซ์) เพื่อนำแอสเสทที่ค้ำประกันออกมา เพื่อให้เงินหมุนเวียนในระบบอีกที

“การคลายล็อกมาตรการ LTV ไม่ได้ช่วยกระตุ้นตลาดคอนโดฯ เพราะมาตรการที่ธปท.ประกาศ ให้เวลาสั้นมากแค่ 1 ปี ไปถึงปี 2565 แต่การพัฒนาคอนโดฯ ต้องใช้เวลา แค่ขอยื่นรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ปาไป 8 เดือนแล้ว ตอกเข็มโครงการยังไม่ทัน หมดมาตรการพอดี สิ่งที่มอง คลาย LTV คราวนี้ไม่ได้ส่งผลให้เกิดซัปพลายใหม่เข้ามา ตลาดคอนโดฯ ยังคงหดตัวต่อไป แต่มีผลต่อตลาดบ้าน” นายสิริพงศ์ กล่าวและว่า ภาพที่เราเห็นต่อตลาดคอนโดฯ ตอนนี้ จากข้อมูลในปี พ.ศ.2561 สินค้าคงค้างคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีเกือบ 140,000 หน่วย แต่ในปัจจุบันลดลงเหลือ 70,000 หน่วย หรือหายไปกว่า 50%

ลงทุนอสังหาฯ ปลอดภัย ห่วงเงินบาทจะด้อยค่าลง!

แต่คำถามคือ โอกาสที่จะมีคอนโดฯ ใหม่ไหลเข้ามาสู่ตลาดได้หรือไม่นั้น สิ่งที่จะต้องมองคือ 1.คงไม่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการ LTV ล็อตนี้ 2.ปัญหาเรื่องต้นทุนค่าก่อสร้าง เนื่องจากเห็นสัญญาณที่ภาวะเงินเฟ้อของโลก บีบตัวให้ประเทศจีนชะลอการส่งออกสินค้า ไม่เกิดการแข่งขัน สินค้าที่ต้องนำเข้าจากประเทศจีนจะมีราคาแพงขึ้น ราคาน้ำมันยังปรับตัวสูงขึ้น และเรื่องของการเลือกตั้งภายในประเทศไทย ที่อาจจะมีนโยบายค่าแรงเข้ามาอยู่ในนโยบายหาเสียง

“สิ่งที่เรากังวล คือ เงินบาทจะด้อยค่าลงไป การซื้อของจะได้จำนวนที่น้อยลง แต่อสังหาฯ จะเป็นสินค้าที่มีความปลอดภัยในตัวเอง ทั้งเรื่องของราคาที่ดินและต้นทุนค่าก่อสร้างที่จะออกมาเป็นราคา ซึ่งตอนนี้ยืนยันไม่เห็นราคาสินค้าวัสดุก่อสร้างตัวไหนจะมีแนวโน้มลดลง ในขณะที่เรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไม่ได้ทำให้แลนด์ลอร์ด นำออกมาขายในราคาที่ถูกลง” นายสิริพงศ์ กล่าวถึงประสบการณ์ที่พบเจอ

สำหรับตลาดคอนโดฯ ในแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวแบริ่ง สมุทรปราการนั้น ตอนนี้การจะพัฒนคอนโดฯ ในแนวดังกล่าวทำยากมากๆ ทั้งเรื่องของต้นทุน กระบวนการขอ EIA และโครงการส่วนใหญ่จะก่อสร้างแล้วเสร็จ และด้วยทำเลที่มีศักยภาพ ทำให้ตั้งแต่แยกบางนาไปถึงสำโรง แม้จะอยู่ในภาวะที่มีโควิด-19 แต่จะเห็นการเปลี่ยนแปลง เห็นการพัฒนาโครงการอยู่

“เรื่องการลงทุนในอสังหาฯ นั้น เราจะเห็นว่า โฉนด (ที่ดิน) มีราคา จะเห็น Growth แบบขั้นบันได ผลตอบแทนจากค่าเช่าด้วย ขณะที่ จังหวัดสมุทรปราการมีความเข้มแข็งในเรื่องของอุตฯ เป็นจังหวัดที่มีการเสียภาษีเข้าสู่ภาครัฐค่อนข้างสูง ทำให้ย่านนี้มีการเติบโตแน่นอน”

สุดท้าย ปัจจุบันหลายโครงการของผู้ประกอบการหลายรายขายในรูปแบบนี้ตั้งแต่วันแรกที่เปิดขายเลย ซึ่งผู้ซื้อที่สนใจจะเลือกลงทุนในโครงการที่พัฒนาโดยผู้ประกอบการที่มีความน่าเชื่อถือ หรือมั่นใจว่าจะสามารถหารายได้และดูแลคอนโดฯ ให้อยู่ในสภาพดีได้จนครบสัญญา การขายในรูปแบบนี้จึงกลายเป็นอีก 1 ช่องทางในการขายของผู้ประกอบการ ที่ต้องการรายได้ในช่วงเวลาที่กำลังซื้อทั่วไปมีจำกัด แต่กำลังซื้อของคนกลุ่มที่มีรายได้สูงยังคงมีอยู่ในตลาด
กำลังโหลดความคิดเห็น