ฝ่ายนิติบัญญัติของ สปป.ลาว เปิดเยว่า เตรียมวางแผนที่จะใช้รายได้เสริมที่มาจากธุรกิจเหมืองขุดคริปโตสำหรับ “โครงการสำคัญ” รวมถึงการชำระหนี้ของประเทศ เพื่อมาชดเชยรายได้ที่ขาดหายไปจากการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19
จากการรายงานของ cointelegraph ระบุถึงโครงการนำร่องของรัฐบาลลาวที่มีการสำรวจการขุดและการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล โดยประเมินว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 194 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 6,500 ล้านบาทให้กับประเทศจากที่คาดการณ์ไว้ในปี 2565
ตามรายงานของสำนักข่าว The Star ของมาเลเซียเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า รัฐบาลลาวได้ประมาณการรายได้ที่จะได้รับประมาณ 2 ล้านล้านกีบลาว หรือ 194 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นอัตราแลกเปลี่ยนไทยประมาณ 6,500 ล้านบาท) โดยอานิสงส์ของรายได้ดังกล่าวนั้นมาจากการที่จีนประกาศกวาดล้างแบนเหมืองขุดคริปโต ทำให้บริษัทผุ้ประกอบกิจการเหมืองในประเทศจีนหลายแห่ง ย้ายที่ทำการขุดเหมืองมาตั้งฐานขุดใหม่ที่ประเทศลาว โดยบริษัทเอกชน 6 แห่ง ที่นำร่องเริ่มต้นโครงการ ได้แก่ Wap Data Technology Laos, Phongsubthavy Road and Bridge Construction, Sisaket Construction Company Limited, Boupha Road-Bridge Design Survey, Joint Development Bank และ Phousy Group
นอกจากนี้ในรายงานยังระบุอีกว่ารัฐบาลลาวเตรียมที่จะจัดตั้งกองทุนคริปโตซึ่งจะเข้ามาเพิ่มรายได้ที่คาดหวังสำหรับร่างงบประมาณของรัฐสภาในปี 2565 ขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 20% ของปี 2564 โดยฝ่ายนิติบัญญัติวางแผนที่จะใช้รายได้เสริมสำหรับ "โครงการสำคัญ" รวมถึงการชำระหนี้ของประเทศและชดเชยรายได้ที่ขาดหายไปจากการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิดที่ผ่านมาซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อรายได้และเศรษฐกิจของประเทศเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามในขณะที่รัฐบาลลาวอนุญาติให้ 6 บริษัmทำเหมือง crypto ได้ ธนาคารกลางของประเทศก็ได้ออกคำเตือนถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้คำแนะนำแก่ผู้อยู่อาศัยเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ crypto ที่ไม่ได้รับการควบคุม ซึ่งส่วนใหญ่ยังผิดกฎหมายในลาว
ขณะเดียวกัน ธนาคารแห่ง สปป. ลาว ก็ได้แสวงหาความร่วมมือในการพัฒนาด้านสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง หรือ CBDC กับบริษัท Soramitsu ซึ่งเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของประเทศญี่ปุ่น