xs
xsm
sm
md
lg

AAV ปรับโครงสร้างใหญ่ ประกาศเพิ่มทุน 8 พันล้านหุ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



AAV ประกาศปรับโครงสร้างกิจการใหม่ ประกาศเพิ่มทุน 8,000 ล้านหุ้น เสนอขายให้นักลงทุนเฉพาะเจาะจง 6 บิ๊ก บจ. ผู้ถือหุ้นเดิม สัดส่วน 5.7625 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุน ในราคา 1.75 บาทต่อหุ้น คาดได้เงินระดมทุน 1.4 หมื่นล้านบาท ใช้ซื้อหุ้น TAA ชำระหนี้สถาบันการเงิน และใช้เป็นทุนหมุนเวียน เชื่อหลังเพิ่มทุนทำให้หนี้สินของบริษัทฯ และแอร์เอเชีย ลดลง 3.9 พันล้านบาท หนุนผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท แต่ทำให้สัดส่วนผู้ถือหุ้นไดลูท 62% ด้าน บล.บัวหลวง ให้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 3.98 บาท มองเป็นโอกาสซื้อหุ้นเพิ่ม หากราคาลดลงแรง

นายธรรศพลฐ์ เเบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV เปิดเผยว่า บริษัทได้ทบทวนแผนการปรับโครงสร้างกิจการเดิม และกำหนดแผนขึ้นใหม่ โดยได้เจรจากับผู้ร่วมลงทุนรายใหม่ ผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้ต่างๆ ของ AAV และบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด (TAA) โดยคาดว่าแผนทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 1/65 

"เนื่องจากหลังการแพร่ระบาด COVID-19 กระทบอุตสาหกรรมการบิน รวมถึงธุรกิจสายการบินราคาประหยัดของไทยแอร์เอเชีย (TAA) ก่อให้เกิดผลกระทบในทางลบต่อธุรกิจและผลการดำเนินงานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะมาตรการจํากัดการเดินทาง ทำให้ไทยแอร์เอเชียได้ประกาศหยุดให้บริการในทุกเส้นทางบินภายในประเทศดั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.-8 ส.ค.64 และได้ประกาศขยายระยะเวลาหยุดให้บริการทุกเส้นทางการบินภายในประเทศชั่วคราวออกไปถึง 31 ส.ค.64" นายธรรศพลฐ์ กล่าว

เพิ่มทุนจำนวน 8,000 ล้านหุ้น ให้ AAA 6 บิ๊ก บจ. ผู้ถือหุ้นเดิม

ดังนั้น คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จากทุนเดิม 485 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 1,285 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 8,000 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท ทั้งนี้ คณะกรรมการมีมติให้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนเสนอขายให้นักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) ดังนี้

จัดสรรหุ้นจำนวนไม่เกิน 4,457,142,857 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 45.12% เสนอขายให้แก่ AirAsia Aviation Limited (AAA) ในราคาหุ้นละ 1.75 บาท ทั้งนี้ หลังจากการได้รับจัดสรรหุ้น AAA จะถือหุ้นในบริษัทฯ คิดเป็นไม่เกิน 45.12% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ทำให้ AAA มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทฯ (เทนเดอร์ ออฟเฟอร์) ตามเกณฑ์ อย่างไรก็ดี AAA ประสงค์จะขอผ่อนผันหน้าที่ในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทฯ โดยอาศัยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ (Whitewash) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตามประกาศของ ก.ล.ต.

จัดสรรหุ้นเพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลทั่วไป ซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่ ได้แก่

นายพิธาน องค์โฆษิต รองประธานกรรมการ/ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ รวมถึงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE) ไม่เกิน 362,049,116 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 3.7%

นายปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รวมถึงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.แพลน บี มีเดีย (PLANB) ไม่เกิน 150,947,980 หุ้น สัดส่วนไม่เกิน 1.5%

นายบัณฑิต พิทักษ์ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท อีซูซุ สงวนไทย ประธานที่ปรึกษาบริษัท สยามคาร์เรนท์ จำกัด และบอร์ด บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) นางปิยะพร วิชิตพันธุ์ ผู้บริหารของบริษัทในเครือเซ็นทรัล นายสุวพล สุวรุจิพร รรมการและผู้บริหารของบริษัท กรุงเทพ ซินธิติกส์ จำกัด และเป็นผู้ถือหุ้นใน บมจ.เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น (MSC) และนายวรพจน์ อำนวยพล ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บมจ.สกายไอซีที (SKY) คนละไม่เกิน 14,607,869 หุ้น หรือไม่เกิน 0.1%

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นนักลงทุนที่มีฐานะการเงินมั่นคง มีศักยภาพ และสนใจในการลงทุนในบริษัทฯ และ AAA มีความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ที่จะช่วยส่งเสริมการดำเนินงานและสนับสนุนธุรกิจของบริษัทฯ ได้ โดยเสนอขายราคาหุ้นละ 1.75 บาท อ้างอิงจากราคาตลาดของหุ้นของบริษัทฯ โดยราคาหุ้นย้อนหลังในช่วง 360 วัน เท่ากับ 1.43-3.14 บาทต่อหุ้น คิดเป็นราคาตลาดถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก เท่ากับ 2.38 บาทต่อหุ้น ซึ่งราคาเสนอขายหุ้นในราคา 1.75 บาทต่อหุ้น คิดเป็นส่วนลดจากราคาตลาดดังกล่าวประมาณ 26.5%

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 1,714,285,714 หุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) อัตราส่วนการจัดสรรหุ้น 5.7625 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ราคาเสนอขายหุ้นละ 1.75 บาท หรือคิดเป็นมูลค่า 3,000 ล้านบาท

อีกทั้ง AAV จะออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่ารวม 2,200 ล้านบาท ให้แก่ผู้ลงทุนจำนวน 2 ราย มีอายุหุ้นกู้แปลงสภาพไม่เกิน 2 ปี อัตราแปลงสภาพคือหุ้นกู้แปลงสภาพ 0.00175 หน่วยแปลงเป็นหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น โดยเสนอขายให้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL มูลค่า 1,200 ล้านบาท และ North Haven Thai Private Equity, L.P. มูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถเเปลงเป็นหุ้นสามัญรวมจำนวนไม่เกิน 1,257,142,857 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท ทั้งนี้ นักลงทุนดังกล่าวได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของ AAV ในระยะยาว และพร้อมจะให้การสนับสนุนด้านเงินทุนเพิ่มเติมในอนาคตแก่ AAV

คาดได้เงิน 1.4 หมื่นล้านบาทใช้หนี้ ซื้อหุ้นเพิ่มทุน TAA ประเมินหุ้นไดลูท 62.3%

สำหรับเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนและการจำหน่ายหุ้นกู้แปลงสภาพ จำนวนรวมประมาณ 14,000 ล้านบาท นำไปชำระคืนหนี้เงินกู้ที่มีต่อสถาบันการเงินประมาณ 3,900 ล้านบาท บวกดอกเบี้ย ซึ่งบริษัทฯ จะได้กู้ยืมเงินมาเพื่อเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่ออกใหม่ของไทยแอร์เอเชีย ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ ในไทยแอร์เอเชียเพิ่มขึ้นจากเดิม 55% เป็น 69.2% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของไทยแอร์เอเชีย

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทฯ และไทยแอร์เอเชีย โดยบริษัทฯ คาดว่าจะดำเนินการชำระคืนหนี้เงินกู้ดังกล่าวภายในปี 64

นอกจากนี้ ใช้ซื้อหุ้นไทยแอร์เอเชียที่เหลือทั้งหมดอีก 30.8% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของไทยแอร์เอเชีย ประมาณ 3,900 ล้านบาท ซึ่งการซื้อหุ้นไทยแอร์เอเชียที่เหลือถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทฯ และไทยแอร์เอเชีย โดยบริษัทฯ คาดว่าจะดำเนินการซื้อหุ้นไทยแอร์เอเชียส่วนที่เหลือดังกล่าวภายในไตรมาส 1 ปี 65

ส่วนเงินที่เหลือใช้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งรวมถึงไทยแอร์เอเชีย และบริษัทฯ อาจพิจารณาเพิ่มทุนในไทยแอร์เอเชียเพื่อใช้ในการดำเนินกิจการของไทยแอร์เอเชียในอนาคต โดยบริษัทฯ จะใช้เงินส่วนที่เหลือจากการชำระหนี้และซื้อหุ้นไทยแอร์เอเชียเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว และคาดว่าจะด้ำเนินการได้ภายในไตรมาส 2 ปี 2565

ทั้งนี้ หากบริษัทฯ สามารถจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนและหุ้นกู้แปลงสภาพได้ทั้งหมด รวมถึงภายหลังการปรับโครงสร้างการถือหุ้น จะทำให้บริษัทฯ เป็นผู้ถือหุ้นในไทยแอร์เอเชีย ซึ่งเป็นบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจ (Operating company) เพิ่มขึ้นจาก 55% เป็น 100%

บริษัทฯ เชื่อว่าเงินที่ได้รับจากการระดมทุนในครั้งนี้จะเพียงพอต่อแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทฯ และไทยแอร์เอเชีย รวมถึงแผนการปรับโครงสร้างหนี้ของไทยแอร์เอเชีย และจะทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอสำหรับรองรับการประกอบธุรกิจสายการบินในอนาคตภายหลังจากที่สถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศเริ่มกลับมาเป็นปกติ

สำหรับผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นจากการขายหุ้นเพิ่มทุน จะมีผลกระทบต่อราคาตลาดของหุ้น (Price Dilution) ประมาณ 25.5% โดยภายหลังการเพิ่มทุนฯ สิทธิออกเสียงของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ (Control Dilution) จะได้รับผลกระทบประมาณ 62.3% และภายหลังการเพิ่มทุนฯ ผู้ถือหุ้นจะได้รับผลกระทบต่อส่วนแบ่งกำไร / (ขาดทุน) ต่อหุ้นประมาณ 62.3%

หวังลดหนี้บริษัท และไทยแอร์เอเซียได้ 3.9 พันล้านบาท

การเพิ่มทุนในครั้งนี้จะส่งผลให้หนี้สินของบริษัทฯ และไทยแอร์เอเชีย ลดลง 3,900 ล้านบาท จากการที่ไทยแอร์เอเชียจะชำระคืนหนี้ทางการค้าต่างๆ ให้กลุ่มบริษัทของ AAGB ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ AAA อีกทั้งการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะส่งผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นประมาณ 14,000 ล้านบาท (ณ วันที่ 30 มิ.ย.2564 บริษัทฯ มีส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 10,820 ล้านบาท)

รวมถึงบริษัทฯ คาดว่าจะนำเงินส่วนที่เหลือจากภายหลังการปรับโครงสร้างการถือหุ้นไปเพิ่มทุนในไทยแอร์เอเชีย เป็นมูลค่าประมาณ 6,200 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของไทยแอร์เอเชียเพิ่มขึ้น (ณ วันที่ 30 มิ.ย.2564 ไทยแอร์เอเชียมีส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ (ขาดทุนเกินทุน) เท่ากับ 9,722 ล้านบาท)

บล.บัวหลวง ให้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 3.98 บาท จากเดิม 3.85 บาท

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า แผนการปรับโครงสร้างของ AAV จะส่งผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของ AAV เพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 14,000 ล้านบาท โดยเงินที่ได้จากการปรับโครงสร้างดังกล่าวจะถูกนำไปใช้เพื่อชำระเงินกู้สถาบันการเงินจำนวน 3,900 ล้านบาท และใช้เงิน 3,900 ล้านบาท ซื้อหุ้น TAA ที่เหลือ 30.8% จาก AAGB ส่วนที่เหลือ (6,200 ล้านบาท) จะเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับ AAV และการสำรองเพื่อการเพิ่มทุนใน TAA ในอนาคต

คำแนะนำพื้นฐาน : นักลงทุนอาจตกใจที่ราคาหุ้นเพิ่มทุน (1.75 บาท) ต่ำกว่าราคาตลาดมาก และต่ำกว่าราคาหุ้นเพิ่มทุนในแผนการปรับโครงสร้างเดิม (2.01 บาท) แต่ในความเป็นจริงแล้วแผนการเพิ่มทุนใหม่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนต่างจากแผนเดิมมากนัก

ทั้งนี้ ราคาเป้าหมายใหม่ของ AAV ของเราน่าจะอยู่ที่ 3.98 บาท (จากเดิมที่ 3.85 บาท) ดังนั้น หากราคาหุ้น AAV ปรับตัวลงแรงจากข่าวดังกล่าว เราคาดว่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อหุ้นเพิ่ม โดยเรามองว่าหากราคาลงแรงมาในช่วง 2.30-2.40 จะเป็นจุดที่ต้องเข้าซื้อ (imply 2023 PER เพียง 12x) เพื่อรับข่าวดีเกี่ยวกับการเปิดประเทศที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น